Auction House Logo

7 Vintage Rolex ในราคาหลักล้าน | Auction House

7 Vintage Rolex ในราคาหลักล้าน | Auction House

7 Vintage Rolex ในราคาหลักล้าน | Auction House

ดูวิดีโอนาฬิกา 7 Vintage Rolex ในราคาหลักล้าน| Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

หากพูดถึงแบรนด์ Rolex หลายคนก็คงจะนึกถึงคอลเลกชันที่แตกต่างกัน และมีรุ่นที่ชอบเฉพาะเจาะจงอยู่ในใจ ในครั้งนี้ Auction House จะพาทุกคนมาดูนาฬิกา Rolex รุ่นที่หายากและมีราคาสูงตั้งแต่หลักล้านไปจนถึงหลักร้อยล้าน ซึ่งในแต่ละรุ่นนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างไร และเพราะอะไรถึงทำให้นาฬิการุ่นเหล่านี้เป็นที่หมายตาของนักสะสมอย่างมากมาย มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน

1. Rolex GMT-Master Ref.1675

มาเริ่มกันที่เรือนแรก Rolex GMT-Master Ref.1675 ที่ผลิตขึ้นในปี 1959 จนถึงปี 1980 เป็นรุ่นในตำนานของ GMT เลยก็ว่าได้ เพราะมีการอัปเกรดกลไกใหม่ มีการเพิ่ม crown guard เข้าไป และขยายขนาดตัวเรือนขึ้น 2 มิลลิเมตร กลายเป็น 40 มิลลิเมตร โดยจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ก็คือเข็ม GMT ที่สามารถบอกเวลา 2 ไทม์โซนได้พร้อมกัน โดยเข็มนี้จะเคลื่อนวนครบ 1 รอบในทุก 24 ชั่วโมง ซึ่งจะอ่านเวลาได้จากหลักสเกล 24 ชั่วโมงที่ขอบหน้าปัด และยังถูกสวมใส่โดย Marlon Brando นักแสดงชาวอเมริกัน ที่รับบทในตำนานเป็นผู้พัน Kurtz จากภาพยนตร์ Apocalypse Now

เขาได้สวมใส่นาฬิกา Rolex GMT-Master Ref. 1675 ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่ในระหว่างการถ่ายทำ Brando ได้รับคำสั่งให้ถอดนาฬิกาของเขาออก เพราะนาฬิากาเรือนนี้มันดูโดดเด่นเกินกว่าบทบาทที่ได้รับ แต่ Brando ก็ยืนกรานว่าจะใส่ จนในที่สุดเขาก็ได้ใส่นาฬิกาเรือนนี้ในฉาก และนาฬิกาที่เขาใส่ก็โด่งดังไปพร้อมกับภาพยนตร์ที่เขาแสดง โดยที่ Marlon Brando ได้สลักคำว่า "M. Brando" ด้วยตัวเขาเองที่ด้านหลังของนาฬิกาด้วย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1995 เขาได้มอบนาฬิกาให้กับ Petra Brando Fischer ผู้เป็นลูกสาวเพื่อเป็นของขวัญมรดกตกทอด ต่อมาลูกสาวเขาก็ตัดสินใจส่งต่อนาฬิกาเรือนนี้ให้กับนักสะสมระดับโลก และนาฬิกาเรือนนี้ก็ถูกจัดประมูลต่อสาธารณชน โดย Philips สถาบันการประมูลชื่อดังในปี โดย Rolex รุ่น GMT-Master Ref. 1675 ที่ Marlon Brando สวมใส่ในระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เมื่อปี 1975 นี้ถูกปิดประมูลไปที่ราคา $ 1,952,000 หรือกว่า 64 ล้านบาท จึงทำให้ราคาของนาฬิการุ่นนี้ในสภาพดีอาจมีราคาสูงถึง 4 ล้านบาทได้

2. Rolex Oyster Perpetual Day-Date Stella Dial

ถัดมาเป็น Rolex Oyster Perpetual Day-Date Stella Dial ซึ่งโดยปกติแล้ว Day-Date หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อรุ่น President ดังนั้นสีหน้าปัดก็จะเน้นไปทางโทนสีเรียบ ๆ แต่ในช่วงปลายยุค 70s จนถึงต้นยุค 80s ทาง Rolex ก็ได้ผลิต Day-Date ที่มีสีสันสดใสแปลกตา โดยหน้าปัดที่ผลิคด้วยด้วยเทคนิค Enamel นี้มีหลากหลายสี และเป็นที่รู้จักในชื่อหน้าปัด Stella ซึ่งเป็นชื่อของบริษัทที่ผลิตสารเคลือบและเม็ดสีให้กับทาง Rolex นั่นเอง โดยทางแบรนด์ได้ใช้หลากหลายภาษาสำหรับบอกวันต่าง ๆ ในช่องแสดงตรงตำแหน่ง 12 นาฬิกา เพื่อให้เข้าถึงได้หลากหลายผู้คนมากขึ้น แต่กระแสตอบรับนาฬิกาหน้าปัดหลากสีนี้ก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า และเมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้คนก็เริ่มเห็นถึงความสำคัญและเอกลักษณ์ต่าง ๆ และด้วยจำนวนผลิตที่น้อยมาก ๆ ทำให้นักสะสมต่างก็ตามหานาฬิกาสภาพดีที่มาพร้อมกับสีหน้าปัดที่หาได้ยาก จนเมื่อปี 2019 ได้มีการประมูล Day-Date Ref. 1803 ไปที่ราคากว่า 4 ล้านบาท และในปี 2020 ก็ได้มีการประมูล Day Date Ref. 18038 ที่ราคา CHF 200,000 หรือ 7.3 ล้านบาท และ Ref. 1802 ไปด้วยราคา USD 237,500 หรือกว่า 7.8 ล้านบาท

3. Rolex GMT-Master Ref. 6542

ทีนี้มาดูฬิกาหายากในระดับหลักสิบล้านกันบ้างกับ Rolex GMT-Master Ref. 6542 หรือที่รู้จักกันในชื่อรุ่น "Pepsi" เปิดตัวครั้งแรกในปี 1955 มีการผลิตเพียง 5 ปีเท่านั้น คือตั้งแต่ปี 1955 - 1959 นาฬิการุ่นนี้ตอบโจทย์ความต้องการของนักบินที่มีความจำเป็นในการคำนวณและดูเวลาจากต้นทางไปจนถึงปลายหมาย ทำให้เป็นนาฬิกาในอุดมคติของนักบิน, กัปตันเรือ, นักเดินทางและนักธุรกิจ เนื่องจาก GMT-Master Ref.6542 สามารถแสดงเขตเวลาสองแห่งได้พร้อมกัน ตัวเรือนและสายนาฬิกาผลิตมาจาก Stainless Steel ขนาด 38 มิลลิเมตร ขอบหน้าปัดเป็นแบบ Bakelite เพื่อลดการสะท้อนของแสง พร้อมด้วยการสลักตัวเลขแสดงเวลา 24 ชั่วโมง ใช้งานควบคู่กับเข็มกลางสีแดง ซึ่งเข็มนี้จะเคลื่อนวนครบ 1 รอบในทุก 24 ชั่วโมงเพื่อบอกเวลาของเขตที่สอง เพิ่มความพิเศษโดยใช้สีแดงบอกถึงเวลากลางวัน และสีน้ำเงินบอกเวลากลางคืน เป็นแบบสองสีทูโทน จึงได้รับฉายาว่า "Pepsi" เพราะมีสีคล้ายคลึงกัน และเนื่องจาก Ref. 6542 เป็นต้นแบบของนาฬิกา GMT ที่ประสบความสำเร็จ จึงเป็นที่หมายตาของนักสะสมเป็นอย่างมาก จนทำให้มีราคาสูงถึงเกือบ 11 ล้านบาทจากการประมูลเมื่อปี 2017 โดย Phillips สถาบันการประมูลชื่อดัง

4. Rolex Milgauss Ref.6541

มาต่อกันที่ Rolex Milgauss Ref.6541 เปิดตัวในช่วงกลางทศวรรษ 1950 เป็นนาฬิกาข้อมือกันแม่เหล็กที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดรังผึ้งสีดำและเข็มวินาทีที่มีลักษณะเหมือนสายฟ้า ซึ่งชื่อรุ่น Milgauss มาจากการผสมคำว่า "Mille" ในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง หนึ่งพัน และ "Gauss" ที่เป็นหน่วยวัดแรงเหนี่ยวนำของแม่เหล็ก ซึ่งบ่งบอกว่านาฬิการุ่นนี้สามารถป้องกันสนามแม่เหล็กได้มากถึง 1,000 เกาส์ Rolex Milgauss Ref.6541 เป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ใช้วัสดุเหล็กอ่อนห่อหุ้มกลไกและใช้โลหะผสมเพื่อต้านทานแม่เหล็ก ซึ่งผลิตขึ้นตามหลักการของกรงฟาราเดย์ โดยนาฬิการุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อนักวิจัยและวิศวกรที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าสูง เพราะแม่เหล็กจะส่งผลต่อความแม่นยำของนาฬิกาโดยตรง ฉะนั้นนาฬิกาจึงต้องสามารถต้านทานพลังงานจากสนามแม่เหล็กได้ อีกครั้งที่นาฬิการุ่นนี้เป็นจุดเริ่มต้นและตัวแม่แบบให้กับ Milgauss ในยุคถัด ๆ มาจนถึงทุกวันนี้ จึงทำให้มีความต้องการและมีการปิดประมูลในปี 2013 ที่ราคาสูงถึง CHF 317,000 หรือ 11.6 ล้านบาท

5. Rolex Oyster Triple Calendar Chronograph

ต่อมาเป็นรุ่นที่มีความพิเศษอย่างมาก นั่นก็คือ Rolex Oyster Triple Calendar Chronograph เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่มีความซับซ้อนมากที่สุดที่ Rolex เคยผลิต เนื่องจากนาฬิการุ่นนี้โดดเด่นในการรวมเอาระบบ Triple Calendar และฟังก์ชัน Chronograph เข้ามาไว้ด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีชื่อเรียกขานว่ารุ่น Dato-Compax หรือในอีกชื่อหนึ่งคือรุ่น Jean-Claude Killy โดยรุ่นนี้จะมีทั้งหมด 5 รหัสด้วยกัน ทั้งหมดมาในตัวเรือน Oyster แบบกันน้ำ โดยมี Ref. 6236 เป็นรุ่นสุดท้าย ซึ่งสิ่งที่ทำให้ Ref. แตกต่างจากตัวก่อน ๆ ก็คือตัวเรือนแบบสามชิ้น พร้อมการออกให้มี Bezel ที่ใหญ่ขึ้น และรูปแบบหน้าปัดที่ดูเรียบทันสมัยมากขึ้น โดย Ref. 6236 มีการผลิตขึ้นแค่ในช่วงปี 1958 ถึง 1962 จึงทำให้มีจำนวนที่น้อยมาก อีกทั้งยังเป็นนาฬิกาแบบ Triple Calendar Chronograph รุ่นสุดท้ายของ Rolex จนถึงทุกวันนี้ จึงทำให้เป็นที่ต้องการของนักสะสมเป็นอย่างมาก และมีการปิดประมูลนาฬิกาที่สภาพสมบูรณ์ไปเมื่อปี 2012 และ 2018 ด้วยราคาสูงถึง USD 638,500 หรือ 21 ล้านบาท และ CHF 702,500 หรือกว่า 25 ล้านบาทตามลำดับเลยทีเดียว

6. Rolex Daytona Exotic Dial

สำหรับเรือนต่อไปนี้เป็นรุ่นขวัญใจนักสะสมอย่าง Rolex Daytona Exotic Dial หรือที่รู้จักกันในชื่อ Rolex Paul Newman เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่หายากมาก และมีราคาขายที่สูงมาก โดยจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้อยู่ที่หน้าปัด “Exotic” ที่มีสีขาวดำตัดกันระหว่างหน้าปัดหลักและหน้าปัดย่อยทั้ง 3 เพื่อเพิ่มความสปอร์ตให้มากยิ่งขึ้น ดีไซน์นี้มีความเป็นเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อมองดูก็จะรู้ทันทีว่านี่คือ Rolex Daytona ซึ่งว่ากันว่าหน้าปัดรุ่นนี้ผลิตออกมาเพียง 2,000 – 3,000 เรือนเท่านั้น และที่มาของความโด่งดังมาจากการที่ โจแอนน์ วูดเวิร์ด (Joanne Woodward) นักแสดงและภรรยาของ “พอล นิวแมน” นักแข่งรถชื่อดัง เธอได้มอบนาฬิกาเรือนนี้เป็นของขวัญให้กับพอลในปี 1968 และได้สลักข้อความไว้ที่ฝาหลังว่า “Drive Carefully, Me” ซึ่งพอล นิวแมน เขาก็ได้ใส่นาฬิกาเรือนนี้ตลอดการแข่งขันในช่วงปี 1969 - 1984 และสวมใส่ขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Winning ด้วย จึงทำให้นาฬิการุ่นนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และนาฬิกาของ Paul Newman Ref. 6239 ก็ได้ถูกประมูลไปเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2017 ด้วยมูลค่าประมาณ 575 ล้านบาท ติดอันดับ 1 ใน 10 นาฬิกาที่แพงที่สุดในโลก นั่นจึงทำให้นาฬิกา Rolex Daytona ในช่วงยุคนั้นได้รับความสนใจอย่างสูง จึงทำให้นาฬิกาอย่าง Ref. 6263 ที่มีหน้าปัดแบบ Exotic เหมือนกัน และเป็น Daytona ที่มีเม็ดมะยมแบบ Screw-down เรือนแรกได้กลายเป็นตัวแทนของ Daytona ในยุคนั้น และทำให้มีราคาขายสูงถึง 36 ล้านบาท

7. Rolex Oyster Perpetual Ref. 6062

ปิดท้ายกันกับ Rolex Oyster Perpetual Ref. 6062 หรือที่เรียกกันว่า Rolex Stelline ซึ่งชื่อ Stelline เป็นภาษาอิตาลี หมายถึงดาวดวงน้อย (Little Star) และที่สำคัญคือเป็นนาฬิกามูนเฟสอีกหนึ่งรุ่นที่หายากที่สุดของ Rolex เพราะนาฬิการุ่นนี้เป็น Automatic Triple Calendar Moon Phase เรือนเดียวที่อยู่ในตัวเรือน Oyster แบบกันน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นนาฬิกาที่มีความซับซ้อนมากในระดับไฮเอนด์ มาในตัวเรือน Oyster ที่มีวัสดุหลากหลายประเภทอย่างเช่น steel, yellow gold และ pink gold มีหน้าปัดสีเงินด้านที่เป็นเอกลักษณ์ และมาพร้อมกับวันที่ในขอบหน้าปัดนอกสุด ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ดูมีดีเทลน่ามอง ซึ่งคาดว่าจำนวนการผลิตของรุ่นนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 350 เรือน น้อยกว่ารุ่นลิมิเต็ดอื่น ๆ และด้วยจำนวนการผลิตที่น้อย จึงทำให้มีการปิดประมูลไปด้วยราคา $1,572,500 คิดเป็นเงินไทยจะอยู่ที่ประมาณ 52,000,000 บาท

ใครชอบนาฬิการุ่นไหนคอมเมนต์มาได้เลย หรืออยากให้เรารีวิวนาฬิการุ่นไหนเป็นพิเศษแนะนำมาได้นะคะ

อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

Recommended Posts