Breguet เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ในคอลเลกชัน Marine ปี 2022
Breguet (เบรเกต์) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสฯ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานเริ่มตั้งแต่ปี 1775 โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร ทั้งในเรื่องความงดงาม ความสง่า รวมถึงดีไซน์เรียบหรูที่มาพร้อมกับกลไกที่สุดซับซ้อน เป็นการผสมผสานศาสตร์แห่งกลไกเข้ากับศิลปะแห่งความงามได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้คนหลงใหลในเรือนเวลาของ Breguet ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย

ล่าสุดในปี 2022 นี้ ทางแบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่คอลเลกชัน Marine ในงาน The Marine Collection ซึ่งได้รับเกียรติจากคุณ Fabien Levrion, Vice President Swatch Group S.E.A - Breguet มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ โดยทาง Auction House จะพาทุกคนมาดูไฮไลต์นาฬิกาในงานนี้กัน

Breguet Marine Dame 9518
Marine Dame 9518 เป็นนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี มีทั้งตัวเรือนโรสโกลด์ และ ไวท์โกลด์ หน้าปัดมุกงดงามเต็มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ด้วยลายสลักมาเรอา (Marea) หรือ ลายเกลียวคลื่น ที่ใช้เทคนิค Engine-Turning โดยรุ่นตัวเรือนไวท์โกลด์ ตกแต่งด้วยหน้าปัดมุกสีฟ้าอ่อน ส่วนรุ่นตัวเรือนโรสโกลด์งดงามด้วยหน้าปัดมุกในโทนสีโอปอล ในบางรุ่นโรเตอร์และรายละเอียดการฝังมุกจะตกแต่งด้วยมุกสลักลายแบบ Engine-Turning ในสีเดียวกับหน้าปัด ขอบหน้าปัดงามระยิบระยับด้วยเพชรกลมเหลี่ยมเกสร (Brilliant-Cut) 50 เม็ด รวมถึงหัวสายและเม็ดมะยมก็ประดับเพชรเปล่งประกายเช่นกัน

เครื่องหมายแสดงชั่วโมงและมาร์คเกอร์เคลือบวัสดุเรืองแสง เข็มนาฬิกาสีทองแบบ Open-tip ในแบบฉบับ Breguet เคลือบวัสดุเรืองแสง มีหน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ด้านหลังตัวเรือนกรุคริสตัลแซฟไฟร์ใส ขอบหน้าปัดประดับเพชร 50 เม็ด น้ำหนักรวมประมาณ 1.165 กะรัต รอบเม็ดมะยมประดับเพชร 6 เม็ด ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 33.80 มิลลิเมตร ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ดูสวยงามได้อย่างลงตัว

Breguet Marine Haute Joaillerie 9509 Poseidonia
แบรนด์ Breguet ถ่ายทอดนิยามเสน่ห์ความงดงามแห่งท้องทะเลกับเรือนเวลารุ่นใหม่ มารีน โอท โจไอเลอรี โพเซโดเนีย (Marine Haute Joaillerie Poseidonia) โดยในท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีสมบัติธรรมชาติอันล้ำค่าอยู่ นั่นคือ โพซิโดเนีย โอเชียนนิกา (Posidonia oceanica) พืชทะเลที่มีความสำคัญยิ่งต่อความสมดุลของระบบนิเวศน์ทางทะเล ซึ่งทางแบรนด์ได้ถ่ายทอดภาพผืนหญ้าทะเลนี้ลงในนาฬิกาผ่านศิลปะการฝังอัญมณีแบบไร้หนาม (Invisible Setting) ลงบนมุก (Mother-of-Pearl)

หน้าปัดประดับเพชรเหลี่ยมบาเก็ต (Baguette Cut) 85 เม็ด ดูพลิ้วไหวอยู่บนหน้าปัดมุกตาฮิติเฉดสีเด่นชัดที่เล่นแสงเป็นพิเศษ อีกทั้งขอบหน้าปัด ขอบข้างตัวเรือน ขาสายนาฬิกา และหัวสายนาฬิกา ยังคงงดงามด้วยเทคนิคฝังอัญมณีที่ต้องอาศัยความชำนาญเป็นพิเศษ ซึ่ง Breguet สามารถสร้างสรรค์นาฬิกาออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

Breguet Marine Equation Marchante 5887
นาฬิกา Marine Equation Marchante 5887 สำหรับคุณผู้ชาย เป็นการรวบรวมกลไกและดีไซน์ที่แสดงถึงตัวตนของคอลเลกชัน Marine ได้อย่างดีเยี่ยม เริ่มตั้งแต่กลไก Tourbillon (ทูร์บิญอง) และกลไก Equation of Time ซึ่งเป็นกลไกที่หาชมได้ยาก ถูกจัดวางออกมาได้อย่างสวยงาม ประกอบด้วยฟันเฟืองแซฟไฟร์ภายในที่หมุนตาม Equation Cam ซึ่งเป็นรูปทรงตามเวลาของพระอาทิตย์ (True Solar Time) เข็มบอกเวลานาทีทั้งสองระบบบนหน้าปัดถูกแยกออกเป็นสองเข็ม โดยเข็มเบรเกต์ (Breguet Hands) ใช้สำหรับอ่านเวลามาตรฐาน และเข็มพระอาทิตย์สีทอง (Running Solar Hands) แสดงค่าเวลาตามพระอาทิตย์ (True Solar Time)

มาพร้อมฟังก์ชัน Perpetual Calendar หรือปฏิทินถาวร โดยแสดงวันในสัปดาห์ตรงตำแหน่งระหว่าง 10 และ 11 นาฬิกา และแสดงเดือนตรงระหว่าง 1 และ 2 นาฬิกา พร้อมตัวเลข 1 ถึง 4 แสดงปีอธิกสุรทิน สำหรับวันที่นั้นแสดงด้วยเข็มแบบ Retrograde ปลายรูปสมอเรือ ที่จะเด้งกลับไปที่เลข 1 เมื่อเริ่มต้นเดือนใหม่ มาพร้อมตัวเรือนแพลทตินัม พื้นผิวหน้าปัดทองคำเคลือบสีน้าเงิน แกะสลักด้วยมือเป็นลายคลื่น ด้านหลังกลไกเปลือยเพื่อให้เห็นงานแกะสลักที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจและชวนค้นหา โดยเป็นเรื่องราวของการเดินเรือเพื่อตอกย้ำชื่อคอลเลกชัน Marine ด้วยเลขโรมันบอกเวลา

Breguet Marine Hora Mundi 5557
ปิดท้ายไฮไลต์ของงานกับรุ่น Marine Hora Mundi 5557 ที่โดนเด่นด้วยหน้าปัดลวดลายรูปโลกซ้อนทับกัน ตกแต่งด้วยการสลักลายกิโยเช่เป็นรูปคลื่นในมหาสมุทรเคลื่อนกระทบผืนทวีป โดยผืนทวีปจะตกแต่งด้วยการขัดด้านแบบซาตินในแนวนอน มาพร้อมโครงของลูกโลกที่ยึดโยงรายละเอียดต่าง ๆ บนหน้าปัดซึ่งเป็นสีเมทัลที่ต้องใช้เวลาในการผลิตนานหลายสัปดาห์

จุดเด่นของนาฬิกาเรือนนี้อยู่ที่การบอกเวลาของเขตเวลาที่สอง เนื่องจากรุ่นนี้ไม่ได้มีเข็ม GMT เหมือนนาฬิกาทั่วไป แต่จะใช้กลไกทำหน้าที่แทนเข็ม GMT ที่สามารถเปลี่ยนสองเขตเวลาได้ในทันที โดยเริ่มจากการตั้งค่าเวลาและวันที่ให้กับเมืองแรก จากนั้นใช้ปุ่ม GMT ที่อยู่บริเวณ 7 นาฬิกากับเม็ดมะยมตั้งเวลากับวันที่ของเมืองที่ 2 เพื่อให้นาฬิกาจดจำเวลากับวันที่ของทั้ง 2 เมืองไว้เป็นค่าเริ่มต้น หลังจากนั้นเพียงแค่กดปุ่ม GMT ทั้งเวลา, วันที่ และสถานะกลางวันกลางคืนระหว่างสองเขตเวลาก็จะถูกสลับได้ในทันทีโดยอัตโนมัติ