Cloisonné Enamel นาฬิกาศิลปะที่หายาก จากแบรนด์ Rolex
ในช่วงปี 1950 การออกแบบนาฬิกา Rolex มาถึงจุดที่สำคัญ เนื่องจากทางแบรนด์ได้ผลิตนาฬิกาข้อมือที่โดดเด่นด้วยหน้าปัด Cloisonné Enamel ซึ่งในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง เทคนิคพิเศษที่มีการแบ่งช่องเล็ก ๆ เอาไว้เพื่อเคลือบสีลงยา โดยจะมีการใช้ลวดโลหะดัดให้เป็นลวดลายต่าง ๆ ตามต้องการ แล้วจากนั้นค่อยหยดน้ำยาสีลงไปบริเวณช่องนั้น ซึ่งทาง Rolex ได้ร่วมมือกับ Charles Poluzzi ศิลปินสร้างโครงร่างที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างสรรค์ลวดลายหน้าปัดในแบบที่ต้องการได้อย่างสวยงาม โดยหน้าปัดแบบ Cloisonné นี้ มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่ถูกรังสรรค์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Ref. 6084, 6085, 6284 และ 6285 ซึ่งลวดลายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ Dragon (มังกร), Viking boat (เรือไวกิ้ง), Maps (แผนที่), และ Peacock (นกยูง)

Rolex Ref. 3372
Rolex | Ref. 3372
เริ่มต้นด้วยนาฬิกา Rolex Ref. 3372 In Pink Gold ปี 1948 โดย Rolex เรือนนี้ผลิตขึ้นสำหรับประธานาธิบดีแห่งอินเดียในขณะนั้น (Mr. Rajendra Prasad) เพื่อเฉลิมฉลองให้อินเดียที่ได้เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย โดยนาฬิกาเรือนนี้ได้ถูกโจรกรรมไปในช่วงทศวรรษ 1960 หลังจากที่ Mr. Rajendra Prasad ถึงแก่กรรม ซึ่งก็ยังไม่มีใครทราบว่านาฬิกเรือนนี้หายไปไหนและหายไปได้อย่างไร แต่ในที่สุดก็ถูกค้นพบอีกครั้งในปี 2011 โดยนาฬิกา Rolex Ref.3372 จะโดดเด่นด้วยหน้าปัด Map of India Cloisonné Enamel จากปี 1948 แผนที่สีเหลืองยังเป็นสีที่สวยงามสดใสและดึงดูดใจสายตาได้เป็นอย่างดี มาพร้อมการเคลือบสีลงยาด้วยเทคนิค Cloisonné Enamel ที่งดงามและแปลกตาไม่เหมือนกับนาฬิกาอื่น ๆ ที่ใช้เทคนิคเดียวกัน เนื่องจากนาฬิกาเรือนนี้เป็นเรือนเดียวที่มีแผนที่แบบ Bubbleback ด้วยรูปร่างที่หนาแต่มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่เล็ก ซึ่งตัวเรือนลักษณะนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบที่ซับซ้อนของแบรนด์ Rolex ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีการเพิ่มความพิเศษด้วยขอบหน้าปัดที่หมุนได้ รวมถึงการดีไซน์ตัวเลขและเม็ดมะยมที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงทำให้ Rolex Ref.3372 กลายเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่งดงามที่สุดเท่าที่ Rolex เคยสร้างสรรค์มา

Oyster Perpetual model
Rolex | Oyster Perpetual Model
ต่อมาเป็นรุ่น Oyster Perpetual Model ปี 1949 หน้าปัดเผยให้เห็นความงามทั้งหมดด้วยภาพทิวทัศน์ท้องทะเล มีเรืออยู่กลางทะเล ท้องฟ้าสดใส พร้อมเคลือบลงยาด้วยเทคนิค Cloisonné Enamel ซึ่งออกแบบโดย Marguerite Koch ปรมาจารย์ด้านการเคลือบอีนาเมล มีการใช้สีสันอันสดใสที่ได้มาจากเม็ดสีที่ดีที่สุด โดยสีต่าง ๆ ถูกวางในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจไว้ ทำให้หน้าปัดมีสีสันโดดเด่นสามารถสัมผัสได้ในทุกรายละเอียด เป็นการผสานงานศิลปะออกแบบโบราณเข้ากับเทคนิคการเคลือบได้อย่างลงตัว มาพร้อมตัวเรือนทอง 18K ขนาด 36 มิลลิเมตร ที่เต็มเปี่ยมด้วยงานศิลป์ที่เรียกว่า 'สีรุ้ง' อันเกิดจากการออกซิเดชันตามธรรมชาติ ส่งผลให้ตัวเรือนมีสีทองที่เข้มขึ้น ซึ่งจะมองเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะบริเวณตรงกลางของตัวเรือน ทำให้นาฬิกาดูโดดเด่นและมีความวินเทจมากยิ่งขึ้น พร้อมประดับเม็ดมะยมบริเวณ 3 นาฬิกา สลักคำว่า Rolex และ Oyster โดยนาฬิกาเรือนนี้ถูกนำไปประมูลที่ Christie’s กรุงเจนีวา ปิดประมูลในปี 2014 ด้วยราคาสูงถึง 1,097,000 ฟรังก์สวิส หรือ ประมาณ 39 ล้านบาท

Rolex Ref. 6101
Rolex | Ref. 6101
ต่อมาเป็นรุ่น Rolex Ref. 6101 Oyster Perpetual Map of the Americas ปี 1953 ที่ยังคงถูกสร้างสรรค์โดย Marguerite Koch ปรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านการเคลือบอีนาเมล ซึ่งนาฬิการุ่นนี้จะโดดเด่นด้วยหน้าปัดแผนที่แสดงอาณาเขตของอเมริกาที่มีสีสันสดใสอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประดับด้วยรูปปลาและนกนางนวลอยู่บนหน้าปัดเพื่อเพิ่มความดึงดูดสายตา เคลือบสีลงยาด้วยเทคนิค Cloisonné Enamel บนหน้าปัด ตัวเรือนเป็นทอง 18K ขนาด 33.5 มิลลิเมตร เป็นแบบกันน้ำได้พร้อมหมายเลขตัวเรือน 902'568 มาพร้อมเข็มนาฬิกาแบบ Dauphine ที่มีมิติเป็นสามเหลี่ยมคม เพรียว ยาว เพิ่มความพิเศษด้วยขอบตัวเรือนหมุนได้ จับคู่กับสายนาฬิกาทอง 14K ยาวประมาณ 7.5 นิ้ว เข้ากับตัวเรือนได้เป็นอย่างดี นาฬิกาขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไก Automatic และสลักสัญลักษณ์ Rolex ซึ่งนาฬิการุ่นนี้ก็แสดงถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการผลิตนาฬิกาที่แปลกใหม่อยู่เสมอ ทำให้ได้นาฬิกาที่มีความสวยงามและสร้างความแตกต่างได้อย่างลงตัว โดยมีราคาปิดประมูลอยู่ที่ 425,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 14 ล้านบาท

Rolex | Ref. 8724
Rolex | Ref. 8724
Rolex Ref. 8724 Chimera ปี 1953 มีความพิเศษอยู่บนหน้าปัดที่มีภาพของ Chimera (คิเมียรา) สัตว์ประหลาดในเทพนิยายมีปีกเหมือนมังกรมีหัวเป็นสิงโต ตัวเป็นแพะ และหางเป็นงู โดดเด่นด้วยสีสันอันสดใสของหน้าปัดที่มีเฉดสีน้ำเงิน เขียว เหลือง และแดง ผสมผสานกันอย่างลงตัว เพื่อให้ภาพบนหน้าปัดนาฬิกามีความสวยงามและดึงดูดสายตาของผู้คนได้ตั้งแต่แรกเห็น นอกจากนี้ยังเพิ่มความน่าสนใจด้วยพื้นหลังสีดำซึ่งเป็นสีที่หายากมากในขั้นตอนการเคลือบอีกทั้งต้องใช้ความเชี่ยวชาญเพื่อควบคุมสีให้ได้ตามต้องการ โดยหน้าปัดจะเคลือบด้วยเทคนิค Cloisonné Enamel ที่มีขั้นตอนในการผลิตที่ซับซ้อนและต้องอาศัยความประณีตในการผลิตเป็นอย่างมาก เพื่อให้หน้าปัดนาฬิกาออกมาสวยงามและสมบูรณ์แบบที่สุด โดยตัวเรือนจะเป็น Yellow Gold 18K ขนาด 36 มิลลิเมตร จับคู่กับสายหนังสีดำเข้ากับสีหน้าปัดได้อย่างลงตัว และขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานด้วยมือ Cal. 1210 ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ถือเป็นการออกแบบที่น่าดึงดูดใจและสง่างาม แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความใส่ใจของแบรนด์ Rolex ที่สร้างสรรค์นาฬิกาออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยปิดประมูลในปี 2016 ในราคา 274,000 ฟรังก์สวิส หรือ ประมาณ 9,700,000 บาท

Rolex Ref. 8382
Rolex | Ref. 8382
มาพร้อมม้าพาหนะและตรีศูลอาวุธประจำกายเพื่อทำลายล้าง โดยเขาสามารถกระตุ้นแผ่นดินไหวทำให้เกิดพายุในทะเลได้ อีกทั้งยังปกป้องชาวเรือให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย ซึ่งหน้าปัดของนาฬิกาเรือนนี้จะมีสีสันสดใสที่ได้มาจากเม็ดสีที่ดีที่สุด โดยมีการจัดเรียงตำแหน่งของสีต่าง ๆ ให้เหมาะสมเพื่อให้สีภาพบนหน้าปัดออกมาสวยงามที่สุด ตัวเรือนเป็นวัสดุ Yellow Gold 18K ขนาด 37 มิลลิเมตร มาพร้อมสายหนังจระเข้สีดำ ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานด้วยมือ Cal. E80'568 ซึ่งนาฬิการุ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีนวัตกรรมในการผลิตที่สลับซับซ้อน มีความสวยงาม และเป็นอีกหนึ่งเรือนหายาก โดยนาฬิกานี้ได้ถูกปิดประมูลไปในปี 2017 ในราคา 394,000 ฟรังก์สวิส หรือ ประมาณ 14 ล้านบาท
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Rolex มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Patek Philippe มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Audemars Piguet (AP) มือสอง ได้ที่นี่
Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier, Franck muller ได้ที่นี่