Auction House Logo

เปิดตัวนาฬิกา A. Lange & Söhne 2021

เปิดตัวนาฬิกา A. Lange & Söhne 2021

เปิดตัวนาฬิกา A. Lange & Söhne 2021

A. Lange & Söhne กับความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ของแบรนด์ โดยสิ่งนี้ได้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านการพัฒนาเรือนเวลาในรูปแบบใหม่ ๆ และการให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็ก ๆ ของทุกชิ้นส่วน เห็นได้จากการที่กลไกนาฬิกาทุกเรือนของแบรนด์จะถูกประกอบเข้าด้วยกัน 2 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด หรือการขัดแต่งแม้แต่ชิ้นส่วนที่เล็กที่สุด ที่เมื่อสุดท้ายแล้วอาจจะไม่ได้ถูกมองเห็นก็ตาม และด้วยความเชื่อที่ว่าสิ่งที่เล็กน้อยที่สุดนี้เองจะเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างให้อย่างเด่นชัดที่สุด ทางแบรนด์จึงได้ต่อยอดด้วยการออกนาฬิกา 3 รุ่นใหม่ในปี 2021 นี้

Little Lange 1 Moon Phase

เริ่มกันที่เรือนแรกกับ Little Lange 1 Moon Phase ซึ่งปีนี้มาพร้อมตัวเรือน White Gold และวัสดุหน้าปัดใหม่อย่างอาเวนเจอรีน (Aventurine) ที่มีความประกายระยิบระยับ ทำให้หน้าปัดนาฬิกาดูราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในยามค่ำคืน แฟนคลับ A. Lange อาจจะเคยเห็นหน้าปัดอาเวนเจอรีน (Aventurine) มาแล้ว ที่อยู่ในรุ่น Saxonia ในปี 2018 แต่ปีนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของคอลเลกชัน Lange 1 ที่ใช้วัสดุนี้ โดยจะมี 2 รุ่นย่อยให้เลือก ซึ่งจะแตกต่างกันที่การประดับตกแต่งด้วยเพชรจำนวน 56 เม็ดบริเวณขอบหน้าปัด

Thousands Of Tiny Stars On Deepblue Sky

การที่จะได้หน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์นี้ไม่ได้ทำได้ง่าย ๆ เพราะหน้าปัดอาเวนเจอรีน (Aventurine) ต้องผ่านกระบวนการเคลือบสีและลงยาอย่างพิถีพิถันหลายขั้นตอนเพื่อให้มีสีสันและรายละเอียดของพื้นผิวที่งดงาม ซึ่งกระบวนการนี้ทำให้หน้าปัดแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์ที่สวยงาม มีมิติที่แตกต่างกันเมื่อแสงตกกระทบ

Watch Highlight

ดวงดาวเล็ก ๆ นับพันดวงดูวาววับบนหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มของ Little Lange 1 Moon Phase บนตัวเรือน White Gold มองดูแล้วสวยงามเป็นอย่างมาก ส่วนมาร์กเกอร์ชั่วโมงเป็นรูปดวงดาว ในขณะที่เข็มทำจากทองคำโรเดียม นอกจากนี้แล้วส่วนของหน้าต่างข้างขึ้นข้างแรม (Moon Phase) ก็ยังสร้างความน่าประทับใจยิ่งขึ้นด้วยจานดวงจันทร์ทองคำขาวที่มีดาวประดับอยู่ถึง 628 ดวง

โดยนาฬิการุ่นนี้จะเน้นสีขาวกับสีน้ำเงินเป็นธีมหลักให้เหมือนอยู่บนท้องฟ้า แม้แต่หน้าต่างวันที่ ที่เป็นตัวเลขก็ใช้สีขาวตัดกับพื้นหลังสีน้ำเงิน รวมไปถึงสายนาฬิกาก็ยังคงธีมท้องฟ้าไว้ได้เป็นอย่างดีด้วยการใช้สีน้ำเงินเหมือนกับสีหน้าปัด พร้อมทั้งเติมความระยิบระยับเข้าไปให้เป็นโทนเดียวกันทั้งตัวเรือน ซึ่งเป็นการเก็บรายละเอียดที่เนี้ยบและสวยงามมาก ๆ

Look & Feel

ถึงแม้นาฬิาเรือนนี้จะเป็นรุ่นย่อยที่ไม่ได้ใช้เพชรมาประดับ แต่ก็ยังให้ความรู้สึกที่พิเศษมาก ๆ เมื่อเห็นใครใส่นาฬิการุ่นนี้ก็ต้องสะดุดตาในความแวววาวระยิบระยับของหน้าปัดในทันที เพราะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากนาฬิกาที่ประดับด้วยเพชร และด้วยโทนสีที่เป็น Monochrome ก็จะทำให้แมชต์ได้หลากหลายลุคด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรือนที่เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่ชอบความแวววาวระยิบระยับที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน

Price & Spec

รุ่น: Little Lange 1 Moon Phase

ขนาดหน้าปัด: 36.8 มิลลิเมตร

ความหนา: 10 มิลลิเมตร

วัสดุตัวเรือน: White Gold

สีหน้าปัด: Solid Silver, Coated with dark-blue gold flux that shimmers with a copper hue

พลังงานสำรอง: 72 ชั่วโมง

กลไก: ไขลานอัตโนมัติ Calibre L121.2

ราคา: 1,460,000

A. Lange & Söhne Lange 1 Perpetual Calendar

A. Lange & Söhne กับประสบการณ์ในการผลิตฟังก์ชันปฏิทินถาวร (Perpetual Calendar) มายาวนานกว่า 20 ปี และเพื่อตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญกว่า 2 ทศวรรษนี้ ทางแบรนด์ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับการเปิดตัวคอลเลกชัน “Lange 1 Perpetual Calendar” ที่มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อยด้วยกัน คือ หน้าปัดสีเทา และสีทองชมพูที่เป็น Limited Edition ผลิตเพียง 150 เรือน

Integration Between Function And Design

Lange 1 Perpetual Calendar เป็นอีกหนึ่งมาสเตอร์พีซที่อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันที่ซับซ้อน แต่ยังคงรักษาสมดุลของดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Lange 1 ได้เป็นอย่างดี

วงแหวนเดือนรอบหน้าปัด - Outer Peripheral Month Ring

ด้วยความต้องการที่จะคงรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ จึงมีแนวทางในการออกแบบปฏิทินถาวร (Perpentual Carlendar) ที่สร้างวงแหวนเดือนให้อยู่ขอบด้านนอกสุดของหน้าปัดได้อย่างเรียบเนียน ซึ่งตัววงแหวนจะก้าวกระโดดเดือนละครั้ง โดยจะมีมาร์คเกอร์ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาชี้เพื่อบอกเดือน พร้อมทั้งมีหน้าต่างบอกปีอธิกสุรทิน (Leap Year) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของ A. Lange ได้เป็นอย่างดี โดยที่กลไกปฏิทินถาวรนั้นถูกตั้งโปรแกรมไว้ยาวนานจนถึงปี 2100

ฟังก์ชัน Moon Phase และตัวแสดง Day-Night

อีกหนึ่งไฮไลต์ ก็คือ การรวมกันของฟังก์ชันข้างขึ้นข้างแรม (Moon Phase) กับตัวแสดงกลางวันหรือกลางคืน (Day-Night) โดยจะบอกผ่านพื้นหลังของ Moon Phase ทำให้หน้าปัดดูสะอาดตายิ่งขึ้น ซึ่งในเวลากลางวันดวงจันทร์จะปรากฏบนท้องฟ้าสีฟ้าอ่อน และเมื่อถึงเวลากลางคืนท้องฟ้าก็จะเต็มไปด้วยดวงดาวสีน้ำเงินเข้ม และที่สำคัญก็คือ Moon Phase จะคงความแม่นยำตามแบบฉบับของ A. Lange ที่สามารถเดินได้อย่างแม่นยำไปถึง 122.6 ปี โดยที่ไม่ต้องได้ปรับตั้งค่าใด ๆ

Movement

ตัวกลไกจะมีรูปแบบที่ต่างจากตัว Lange 1 ที่ปกติจะเห็น Three-quarter Plate ได้อย่างชัดเจน แต่ตัวนี้จะมาพร้อมโรเตอร์ขนาดใหญ่ที่ทำจากทองวางอยู่ตรงกลาง จบด้วยการเก็บงานแกะสลักและขัดแต่งอย่างสวยงามตามแบบฉบับของแบรนด์

Look And Feel

รูปลักษณ์และความรู้สึกที่แตกต่างระหว่าง 2 เวอร์ชัน ข้อแตกต่างหลัก ๆ ระหว่างรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันกับรุ่นปกติก็คือ วัสดุและสี รุ่นปกติมาพร้อมตัวเรือน Pink Gold กับหน้าปัดสีเทาวัสดุ Silver ซึ่งเป็นเฉดสีเทาที่ไม่เข้มหรือสว่างจนเกินไป เป็นสีที่เป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ ทำให้ภาพรวมเข้ากับตัวเรือน Pink Gold ได้เป็นอย่างดี สามารถแมชต์ได้ง่ายใส่ได้หลากหลายโอกาส

ส่วนรุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ตัวเรือนใช้วัสดุ White Gold ส่วนหน้าปัดทำมาจากวัสดุ Pink Gold ทั้งหมด พร้อมกับการขัดแต่งที่สวยงาม ทำให้สีหน้าปัดรุ่นนี้โดนเด่นเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นการผสมผสานที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป

จุดที่แตกต่างอีกจุดหนึ่งก็คือ เข็มชั่วโมงและเข็มนาทีบนหน้าปัดของรุ่นปกติจะมาพร้อมกับเข็มที่ทำจากวัสดุ Pink Gold มาพร้อมกับพรายน้ำ ส่วนรุ่น Limited Editon จะทำมาจากวัสดุ Rhodiumed Gold

Price & Spec

รุ่น: Lange 1 Perpetual Calendar

ขนาดหน้าปัด: 41.9 มิลลิเมตร

ความหนา: 12.1 มิลลิเมตร

วัสดุตัวเรือน: Pink Gold หรือ White Gold

สีหน้าปัด: Grey (Solid Silver) , Pink Gold (Solid Pink Gold)

พลังงานสำรอง: 50 ชั่วโมง

กลไก: ไขลานอัตโนมัติ Calibre L021.3

ราคา: Pink Gold - 3,361,000 บาท , White Gold - 3,731,000 บาท

TRIPLE SPLIT -The Ultimate Chronograph

Triple Split เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 และได้รับการยกย่องตั้งแต่นั้นมาว่าเป็นนาฬิกาที่มีความซับซ้อนขั้นสูงสุดอีกรุ่นหนึ่งของ A. Lange & Söhne และเป็นนาฬิกาจับเวลาฟังก์ชัน ทริปเปิ้ล สปลิต (Triple Split) รุ่นแรกและรุ่นเดียวของโลกมาจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2021 ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นย่อยที่มาพร้อมตัวเรือน Pink Gold จับคู่กับหน้าปัดสีน้ำเงิน

What is TRIPLE SPLIT?

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Triple Split คืออะไร Triple Split เป็นฟังก์ชันจับเวลาที่สามารถแยกได้สองรายการ ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ สามารถใช้จับเวลาของนักวิ่ง 2 คนได้พร้อมกันเพื่อดูว่าใครเข้าเส้นชัยที่เวลาเท่าไหร่ หรือสามารถใช้จับเวลานักแข่งรถได้ถึง 2 คน เพื่อเปรียบเทียบเวลาแต่ละรอบของแต่ละคนพร้อมกับเวลาโดยรวมของทั้งการแข่งขันเอง หรือใช้จับเวลาในการผ่านแต่ละจุดของนักวิ่ง ควบคู่ไปกับการจับเวลาการวิ่งทั้งหมดในการแข่งขันวิ่งมาราธอนได้อีกด้วย

ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถจับเวลาด้วย "เข็มคู่" ในสามหน่วยเวลา ได้แก่ วินาที (Second Counter), นาที (Minute Counter) และชั่วโมง (Hour Counter) ซึ่งในขณะที่กำลังจับเวลารายการหนึ่งอยู่นั้น เราสามารถเริ่มจับเวลารายการใหม่ได้อย่างต่อเนื่องในทันทีโดยไม่ต้องกดปุ่มหยุดจับเวลาหรือรีเซ็ตก่อน แต่สามารถจับเวลาได้พร้อมกันเลย

ซึ่งการจับเวลาแบบ Triple Split นั้นจะเริ่มต้นด้วยการกดตัวโครโนกราฟ ตรงตำแหน่ง 2 นาฬิกา เข็มนาฬิกาจับเวลาคู่ของแต่ละตำแหน่งจะเริ่มวิ่งไปพร้อมกัน จนกระทั่งกดปุ่มในตำแหน่ง 10 นาฬิกาเพื่อเริ่มใช้การจับเวลาแบบ Triple Split โดยเข็มหนึ่งจะหยุดเพื่อให้สามารถอ่านค่าเวลาได้ ส่วนอีกเข็มก็ยังคงวิ่งต่อไปเพื่อจับเวลา และเมื่อกดปุ่มที่ตำแหน่ง 10 นาฬิาอีกครั้ง เข็มหนึ่งก็จะกลับไปวิ่งคู่พร้อมกับอีกเข็มที่ยังวิ่งอยู่ในทันที โดยหากต้องการหยุดการจับเวลาทั้งหมดก็สามารถกดปุ่มที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกา และหากต้องการรีเซ็ตค่าทั้งหมดก็สามารถกดปุ่มที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา ซึ่งความพิเศษของนาฬิการุ่นนี้มาพร้อมฟังก์ชันโครโนกราฟแบบ Flyback ที่ทำให้สามารถกดปุ่มรีเซ็ตในขณะที่ยังจับเวลาอยู่เพื่อเริ่มการจับเวลาใหม่ได้ในทันที

นี่จึงเป็นที่มาของชื่อรุ่น Triple Split ที่สามารถจับเวลาได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง

Micro City Movement

ด้วยความสลับซับซ้อนของกลไกที่มีมากขนาดนี้ พอพลิกไปดูด้านหลังก็จะเห็นถึงความซับซ้อนที่สวยงามอย่างแท้จริง จนได้ชื่อเล่นว่า Micro City Movement เพราะดูเหมือนเป็นเมืองแห่งกลไกขนาดย่อส่วน และที่สำคัญเลยก็คือ มีการเก็บงานที่ประณีตและสวยงามมาก ทั้งการขัดแต่งและการประกอบขึ้นมาที่ต้องใช้ทักษะที่เชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก เป็นกลไกที่แสดงถึงความซับซ้อนและการออกแบบที่น่าหลงใหลได้อย่างดีเยี่ยม

Look And Feel

สีของนาฬิกาแบบใหม่ที่มาแทนสีเก่าจะเป็นสีที่โดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม ให้ความรู้สึกสดใสที่มากกว่า ส่วนในเรื่องการสวมใส่นาฬิกานั้นต้องบอกว่าเป็นนาฬิกาที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ และตัวเรือนก็หนาพอสมควร ฉะนั้นคนที่มีข้อมือใหญ่ก็จะใส่ได้พอดี ขึ้นข้อเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่มีโอกาสได้ครอบครองนั้นก็เปรียบเสมือนมีผลงานที่รวมทั้งศาสตร์และศิลป์ของกลไกทางด้านเรือนเวลาชั้นสูงมาประดับอยู่บนข้อมือเลยทีเดียว

Price & Spec

รุ่น: TRIPLE SPLIT

ขนาดหน้าปัด: 43.2 มิลลิเมตร

ความหนา: 15.6 มิลลิเมตร

วัสดุตัวเรือน: Pink Gold

สีหน้าปัด: Solid Silver, Blue; Subsidiary Dials, Rhodié

พลังงานสำรอง: 55 ชั่วโมง

กลไก: Calibre L132.1

ราคา: 5,444,000 บาท

Recommended Posts