Auction House Logo

นาฬิกา Sport Watch ใหม่ปี 2021 ในงบราคา 2 แสนบาท | Watch Talk EP.18

นาฬิกา Sport Watch ใหม่ปี 2021 ในงบราคา 2 แสนบาท |  Watch Talk EP.18

นาฬิกา Sport Watch ใหม่ปี 2021 ในงบราคา 2 แสนบาท | Watch Talk EP.18

ดูวิดีโอนาฬิกา นาฬิกา Sport Watch ใหม่ปี 2021 ในงบราคา 2 แสนบาท | Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

Auction House ขอเอาใจคนที่ชอบนาฬิกาแนวสปอร์ต ที่มีความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะมาตัวพร้อมฟังก์ชันสุดพิเศษในหลากหลายรุ่น หากอยากรู้ว่ามี Sport Watch เรือนไหนที่น่าสนใจในปี 2021 กันบ้าง

1. Bulova Unveils Mil-Ships Dive Watch

Bulova (บูโลวา) เป็นนาฬิกาสัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1875 ผลิตนาฬิกาที่มีความหลากหลายและมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ เพราะระหว่างการเดินไปบนดวงจันทร์ครั้งที่ 3 นักบินอวกาศได้ใช้นาฬิกา Bulova แทน Omega Speedmaster ที่หลุดไป อีกทั้งแบรนด์ Bulova ยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ว่าจ้างให้พัฒนานาฬิกาดำน้ำเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของนักประดาน้ำ

โดยในปี 1955 กองทัพเรือของสหรัฐฯได้ทำข้อกำหนดเกี่ยวกับนาฬิกาข้อมือ เพื่อตอบสนองความต้องการในการปฏิบัติงานของ Explosive Ordnance Divers (หน่วยงานนักประดาน้ำ) และ Underwater Demolition Teams (หน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐที่ปฏิบัติการใต้น้ำ) โดยมีข้อกำหนดว่านาฬิกาที่ต้องการจะต้องกันน้ำได้ และมีกรอบรอบนอกที่หมุนได้ สองปีต่อมา ทางแบรนด์ Bulova ก็ได้ส่งนาฬิกาต้นแบบ MIL-SHIPS-W-2181 เพื่อทำการทดสอบที่ Navy Experimental Diving Unit (NEDU) หน่วยนักประดาน้ำของกองทัพเรือสหรัฐ โดยนาฬิกานั้นมีตัวเรือนแบบสองชิ้นพิเศษ และมีที่จับตัวเรือนป้องกันแม่เหล็กแบบทองเหลืองที่มีความหนา กลไกเป็นแบบไขลานด้วยมือ 10 BPCHN พร้อมกลไกคลัตช์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้นาฬิกาเกิดรอยหรือบาดแผล และในปี 1958 ทางแบรนด์ก็ได้ส่งนาฬิกาต้นแบบชุดเล็กอีกชุดไปทดสอบภาคสนามด้วยหน่วยดำน้ำและทีมนักประดาน้ำ UDT-21 ของกองทัพเรือ ซึ่งนาฬิกานี้ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจาก NEDU และ NEDU พวกเขาชอบทุกอย่างที่ Bulova ทำ หลังจากที่ทำการแก้ไขไปสองสามรอบ

ต่อมาในปี 1959 มีการจัดทำเนื้อหาเกี่ยวกับนาฬิกาลงในวารสาร Bureau of Ships Journal โดยอธิบายว่านาฬิกานี้เป็นนาฬิกาดำน้ำเฉพาะทางรุ่นใหม่สำหรับกองทัพ นาฬิการุ่นนี้เป็นทุกอย่างที่พวกเขาต้องการจริง ๆ และพวกเขาพร้อมที่จะสั่งซื้อนาฬิกาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ Bulova ออกจากการแข่งขัน และไม่ผลิตนาฬิการุ่นนี้ออกมานอกเหนือจากเรือนที่เป็นต้นแบบเท่านั้น อาจจะเป็นเพราะทางแบรนด์อยากจะมุ่งคิดค้นและพัฒนานาฬิกา Accutron ที่เปิดตัวในปี 1960 ก็เป็นได้

ด้วยความตั้งใจของ Bulova ที่มีต่อโมเดล MIL-SHIPS ใหม่ ก็คือการทำให้การออกแบบดั้งเดิมกลับมามีชีวิตอีกครั้งในลักษณะที่แม่นยำที่สุด ตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 41 มิลลิเมตร หน้าปัดทรงโดมสองชั้นเหมือนกับการออกแบบในช่วงปี 1950 นาฬิกายังมีขอบหน้าปัดแบบเซาะร่องใช้ระบบล็อกแบบกด และจะหมุนเพียงครั้งเดียวเมื่อกดลง ฝาหลังสลักลายหมวกดำน้ำ หน้าปัดของ Bulova Mil-Ships ยังคงถ่ายทอดรูปแบบดั้งเดิมที่สมจริงอย่างน่าทึ่ง ดีไซน์แบบไร้วันที่ดูเรียบง่าย ไม่มีข้อความบนหน้าปัดใด ๆ เลยนอกเหนือจากโลโก้ Bulova ที่พิมพ์สไตล์วินเทจอยู่ที่บริเวณตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่ง Bulova ไม่เคยสร้างนาฬิการุ่นอัตโนมัติมาก่อน ทำให้นาฬิกาใหม่นี้มีความสมจริงยิ่งขึ้นพร้อมกับสเปกเดิม และสามารถกันน้ำลึกถึงได้ 200 เมตร

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Bulova Official Store

2. Sinn debuts limited edition U1 DS

Sinn (ซิน) นาฬิกาสัญชาติเยอรมัน ที่มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนใคร และให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้แล้วนาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่ Sinn นำเสนอคือรุ่น 244 ใช้วัสดุไทเทเนียมบริสุทธิ์ และสามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้ในระดับที่เหนือกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยสถาบันมาตรฐานเยอรมัน ทำให้เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเยอรมนี

เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2021 นี้ ทางแบรนด์ Sinn ก็ได้เปิดตัว Sinn debuts limited edition U1 DS นาฬิกาดำน้ำเพื่อฉลองครบรอบ 60 ปีของแบรนด์ ด้วยรูปแบบหน้าปัดที่แปลกตาไม่เหมือนใคร โดยมีพื้นฐานในการสร้างสรรค์มาจากนาฬิกาดำน้ำรุ่น U1 อันเป็นเอกลักษณ์ผสมผสานปรัชญาการออกแบบหลักของแบรนด์เข้ากับรูปลักษณ์ใหม่ที่ดุดันและทนต่อสภาพอากาศ ซึ่งเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของ Sinn

พื้นผิวหน้าปัดของนาฬิกาสีเทามีการขัดหยาบทำให้เกิดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นความตั้งใจของแบรนด์ที่ทำให้การขัดดูเป็นแนวฟรีแฮนด์ ที่ไม่ต้องมีแบบแผน ฉะนั้นลายหน้าปัดแต่ละเรือนจึงแตกต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและไม่ซ้ำกันเลย สเกลขอบหน้าปัด หลักชั่วโมง และเข็ม มีสีขาวตัดกับสีของหน้าปัดได้อย่างโดดเด่น หลักชั่วโมงและเข็มรูปทรงคล้ายหลอดฉีดยาเคลือบด้วยสารเรืองแสงเพื่อให้มองเห็นได้ในที่มืด ตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตร ใช้วัสดุสตีลของเยอรมันชนิดเดียวกับที่ใช้สร้างเรือดำน้ำ ซึ่งต้านทานการกัดกร่อนจากน้ำทะเลได้ดี มีการนำตัวเรือนกับขอบตัวเรือนมาเคลือบแข็งให้กับผิวด้วยเทคนิค ‘Tegiment’ (เทจิเมนท์) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและทนทานต่อการขีดข่วน มาพร้อมประสิทธิภาพในการกันน้ำลึกมากถึง 1,000 เมตร ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ Cal. Sellita SW 200-1 สำรองพลังงานได้ 38 ชั่วโมง มาพร้อมคุณสมบัติการต้านทานสนามแม่เหล็กตามมาตรฐาน DIN 8309 ส่วนฝาหลังสลักด้วยเลข XXX/500 อยู่ด้านล่างรอยสลักชื่อรุ่น U1 1000m ขนาดใหญ่กลางฝาหลัง มาพร้อมสายสตีล สายหนังวัว สายหนังจระเข้ สายผ้าอัลคันทารา หรือสายผ้าใบ ซึ่งมีหลากสีหลายแบบให้เลือก และผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือนเท่านั้น

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Sinn Official Store

3. Rado Captain Cook High-Tech Ceramic

Rado เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 100 ปี มีชื่อเสียงด้านการออกแบบนวัตกรรมและการใช้วัสดุเชิงปฏิวัติเพื่อสร้างนาฬิกาที่สวยที่สุดและทนทานที่สุด โดยมีจุดเริ่มต้นที่เมืองเลงนาว ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยยึดถืออุดมการณ์ที่ว่า "ถ้าเราสามารถจินตนาการได้ เราก็สามารถทำได้"

สำหรับคอลเลกชัน Captain Cook ผลิตออกมาครั้งแรกในช่วงปี 1960 โดยได้ตั้งชื่อคอลเลกชันนี้เพื่อเป็นเกียรติให้กับ James Cook ผู้เป็นกัปตันเรือและนักสำรวจชาวอังกฤษ ที่ได้ออกเดินทางไกลจนค้นพบกับดินแดนใหม่ที่มีชื่อว่า “นิวซีแลนด์” และได้เดินทางต่อจนสำรวจทวีปออสเตรเลียได้อย่างสมบูรณ์เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งแบรนด์ Rado ก็ชื่นชมและยกย่องกัปตันคุ้กเป็นอย่างมาก โดยนาฬิกาที่ผลิตภายใต้คอลเลกชัน Captain Cook ก็เป็นที่นิยมและประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาในปี 2021 ล่าสุด ทางแบรนด์ Rado ก็ได้เปิดตัว Rado Captain Cook High-Tech Ceramic ที่มาพร้อมดีไซน์สุดเท่และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการรังสรรค์ตัวเรือนจากวัสดุไฮเทคเซรามิกที่ถือว่าเป็น DNA ของ Rado ที่มีความบริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งทางแบรนด์ได้ใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาและผลิตเพื่อให้นาฬิการุ่นนี้ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดดเด่นด้วยโครงสร้างตัวเรือนแบบเป็นชิ้นเดียวที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Rado อีกทั้งยังป้องกันรอยขีดข่วนและอาการแพ้ได้เป็นอย่างดี มีน้ำหนักเบา และที่สำคัญคือวัสดุไฮเทคเซรามิกนี้สามารถปรับอุณหภูมิตามผิวของผู้สวมใส่ได้ ทำให้ไม่รู้สึกร้อนหรือเย็นเวลาสวมใส่นาฬิกา โดยนาฬิการุ่นนี้มาพร้อมขอบหน้าปัด 3 สี คือ น้ำเงิน, ทอง และเงิน ขนาดของตัวเรือนอยู่ที่ 43 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ R734 ระดับพรีเมียมที่มีแฮร์สปริง Nivachron™ ที่สามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้เป็นอย่างดี

สั่งซื้อสินค้าได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ : Rado Official Store, Lazada , Shopee ทั้ง Lazada และ Shopee มีบริการตัดสายให้เลย เพียงแค่แจ้งขนาดรอบข้อมือ

4. Tudor Black Bay Chrono 2021

Tudor ถือเป็นแบรนด์ลูกของ Rolex ที่เน้นผลิตนาฬิกาในราคาย่อมเยาว์กว่าและมีดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับแม่แบบ โดยในปี 2021 นี้ถือเป็นวาระครบรอบ 50 ปี ที่ Tudor ผลิตนาฬิกาโครโนกราฟขึ้นมาครั้งแรก ทางแบรนด์จึงฉลองด้วยการเปิดตัว Black Bay Chrono ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าปัดวินเทจในรูปแบบของ "แพนด้า" ที่มีความคล้ายกับ Daytona แต่ก็คงเรียกแพนด้าได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากขาดหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาที่เป็นเหมือนจมูกของแพนด้าไป

Tudor Black Bay Chrono ตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 41 มิลลิเมตร ขอบหน้าปัดอะลูมิเนียมชุบอโนไดซ์เป็นสีดำด้าน พร้อมสเกลวัดความเร็ว Tachymeter สีเงินที่มาพร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟ โดดเด่นด้วยหน้าปัด 2 แบบ คือ หน้าปัดหลักสีขาวโอปอลีนและหน้าปัดย่อยสีดำพิมพ์สเกลสีขาว หรือหน้าปัดหลักสีดำพร้อมหน้าปัดย่อยสีขาว ที่ตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา ที่แสดงผลจับเวลา 45 นาทีและแสดงวินาที หน้าต่างวันที่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา มีหลักชั่วโมงเป็นแบบทรงกลม ยกเว้นตำแหน่ง 12 นาฬิกา เป็นทรงสามเหลี่ยม เพิ่มความพิเศษด้วยการเคลือบสีแดงบนปลายสามเหลี่ยมของเข็มจับเวลาวินาที ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ Caliber MT5813 ที่ผ่านการรับรองความเที่ยงตรงจาก COSC สามารถสำรองพลังงานได้สูงสุด 70 ชั่วโมง และกันน้ำได้ลึก 200 เมตร ส่วนสายนาฬิกาสามารถเลือกได้ 3 ชนิด คือ สายสเตนเลสสตีล, สายหนังพร้อมแผ่นรองตัวเรือนสีดำ, และสายผ้าทอสีดำ Jacquard (แจคคาร์ด)

สั่งซื้อสินค้าได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ : Tudor Official Store

5. Chopard Mille Miglia Classic Chronograph Raticosa

Chopard แบรนด์นาฬิกาหรูสวิสที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1860 โดยทางแบรนด์จะเน้นผลิตนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองแบบคลาสสิกและจะเป็นแนวนาฬิกา Dress แต่ในปี 2021 นี้ ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวนาฬิกาแนวสปอร์ตรุ่นใหม่ Chopard Mille Miglia Classic Chronograph Raticosa ในฐานะผู้สนับสนุนหลักให้กับการแข่งรถคลาสสิก “Mille Miglia” ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ ประเทศอิตาลี

โดย Chopard Mille Miglia Classic Chronograph Raticosa ถูกสร้างสรรค์ขึ้นสำหรับการแข่งขันรถยนต์ ที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชันโครโนกราฟพร้อมทั้งปุ่มกดโครโนกราฟที่เป็นมีลักษณะคล้ายลูกสูบรถยนต์ ตัวเรือนทรงกลมผลิตจากวัสดุสเตนเลสสตีลขัดมัน ขนาด 42 มิลลิเมตร กระจกหน้าปัดแซพไฟร์ เคลือบสารกันสะท้อนทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้สามารถอ่านค่าต่าง ๆ บนหน้าปัดได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว ส่วนหน้าปัดจะมี 2 สี คือ สีครีมที่มีความวินเทจ หรือสีดำที่มีความสปอร์ตทำให้ดูแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หลักชั่วโมงเป็นตัวเลขอารบิกที่เคลือบด้วยสารเรืองแสงสีเบจ มาพร้อม 3 หน้าปัดย่อยจับเวลาเป็นหน่วยชั่วโมงและนาที พร้อมหน้าปัดย่อยวินาทีบริเวณ 3 นาฬิกา และมีสเกล Tachymeter (ทาคีมิเตอร์) บนขอบหน้าปัดที่สามารถคำนวณความเร็วได้ตามระยะเวลาเดินทางและระยะทาง ฝาหลังมีการสลักสัญลักษณ์การแข่งขัน Mille Miglia Thousand Mile Race พร้อมข้อความ Raticosa Limited Edition 500 ขับเคลื่อนด้วยกลไกออโตเมติกโครโนกราฟคุณภาพสูงระดับ COSC สำรองพลังงานได้สูงสุด 42 ชั่วโมง และกันน้ำลึก 50 เมตร

สั่งซื้อสินค้าได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ : Chopard Official Store

ใครชอบนาฬิการุ่นไหนคอมเมนต์มาได้เลย หรืออยากให้เรารีวิวนาฬิการุ่นไหนเป็นพิเศษแนะนำมาได้นะคะ

อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

Recommended Posts