แนะนำนาฬิกา Sport Watch งบหลักแสน ประจำปี 2024 | Watch Talk EP.53
ดูวิดีโอ นาฬิกา Sport Watch งบหลักแสน ประจำปี 2024 งบหลักหมื่น
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

Tudor Black Bay 58 GMT
คอลเลกชัน Black Bay จะถูกออกแบบมาให้มีกลิ่นอายความวินเทจ หรือที่เรียกว่า Retro-styled dive watch โดยคอลเลกชันนี้ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2012 และได้เพิ่มนาฬิกา Black Bay GMT เข้ามาอยู่ในคอลเลกชันด้วยในปี ค.ศ. 2018 มาพร้อมขนาดตัวเรือน 41 มิลลิเมตร หนา 14.6 มิลลิเมตร

ซึ่งในปีนี้ 2024 ได้มีการปรับขนาดให้ลดลงเหลือ 39 มิลลิเมตร มากับชื่อรุ่น Tudor Black Bay 58 GMT พร้อมหน้าปัดสีดำขอบหน้าปัดแบบทูโทนสีดำ-สีเบอร์กันดี มีการแต่งแต้มสีทองตามเข็มนาฬิกา หลักชั่วโมง และสเกลตัวเลขบนหน้าปัด ทำให้มีกลิ่นอายความวินเทจขึ้นมา จับคู่มากับสายสเตนเลสสตีลและสายยาง สามารถสำรองพลังงานได้นาน 65 ชั่วโมง และกันน้ำลึกได้ 200 เมตร ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกรุ่นใหม่ MT5450-U ที่ได้รับมาตรฐานความเที่ยงตรงจาก METAS และต้านทานต่อสนามแม่เหล็ก

Grand Seiko SLGH021
โดยนาฬิการุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแม่น้ำอิวาอิไหลผ่านหุบเขาเก็นบิที่เป็นภาพทิวทัศน์อันสวยงาม ซึ่งใกล้กับสถานที่ผลิตนาฬิกาจักรกลของ Grand Seiko อันมีชื่อเสียงโด่งดัง โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเขียวอ่อนที่เปล่งประกายตามแสงที่มาตกกระทบอย่างสวยงาม

โดยการออกแบบหน้าปัดนี้ถูกสร้างสรรค์ให้เรียบง่ายแต่ดึงดูดด้วยรายละเอียดอันโดดเด่น มองเห็นราวกับหินที่ถูกกัดเซาะด้วยน้ำ พร้อมความละเอียดและความสมดุลของสีเขียวอ่อนและแสงที่เปล่งประกาย มาพร้อมขนาดตัวเรือน 40 มิลลิเมตร ตัวเรือนและสายนาฬิกาทำจากเอเวอร์-บริลเลียนท์ สตีล (Ever-Brilliant Steel) ซึ่งเป็นสเตนเลสที่สามารถต้านทานการกัดกร่อนได้มากกว่าสเตนเลสทั่วไป ขับเคลื่อนการทำงานของกลไก Caliber 9SA5 สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง และกันน้ำลึกได้ 100 เมตร

TAG Heuer Monaco Skeleton Chronograph
นาฬิการุ่นนี้โดดเด่นด้วยหน้าปัด Skeleton เผยให้เห็นโครงสร้างองค์ประกอบหลักที่มาพร้อมหน้าปัดย่อยจับเวลาที่ตำแหน่ง 3 กับ 9 นาฬิกา มาพร้อมตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมทำจากไทเทเนียมเกรด 2 พ่นทรายเคลือบ DLC ขนาด 39 มม. x 39 มม. หนา 15.2 มม. จับคู่มากับสายยางสีน้ำเงินเข้มที่เข้ากันได้ดีกับตัวเรือน ทำให้ภาพรวมของนาฬิการุ่นนี้ดูสปอร์ตเท่และมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ส่วนฝาหลังเป็นไทเทเนียมเคลือบสีดำด้วยเทคนิค DLC มีช่องโปร่งใสเผยให้เห็นการทำงานของกลไกอัตโนมัติ Calibre HEUER 02 ซึ่งได้รับการขัดแต่งอย่างสวยงาม ที่ทางแบรนด์ผลิตขึ้นเองภายในบริษัท โรเตอร์เป็นแบบฉลุโปร่งเคลือบสีดำคลาสสิก พร้อมข้อความสีเหลืองอันโดดเด่น และ Column-Wheel ที่เคลือบสีเหลืองไว้เช่นกัน ทำให้ดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี มาพร้อมฟังก์ชันจับเวลาได้สูงสุด 12 ชั่วโมง เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สามารถสำรองพลังงานได้นาน 80 ชั่วโมง และกันน้ำลึกได้ 100 เมตร

Zenith Chronomaster Original Triple Calendar
สำหรับ Zenith El Primero เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1969 และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงทำให้แบรนด์ผลิตนาฬิกาต้นแบบออกมามากมาย ซึ่งหนึ่งในรุ่นที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาก็คือ A386 มาพร้อมฟังก์ชัน Triple calendar, Moonphase, และ Chronograph ซึ่งในช่วงนั้นได้ผลิตมาเป็น Prototype เท่านั้น

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2012 นาฬิกาเรือนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในงานประมูล และถูกปิดประมูลไปในราคา 1.4 ล้านบาท และได้ถูกประมูลขึ้นอีกครั้ง ค.ศ. 2015 กับราคาปิดประมูลที่ 2.4 ล้านบาท

โดยในปี 2024 Zenith ได้นำรุ่นนี้กลับมาเปิดตัวอีกครั้งภายใต้รุ่น El Primero Chronomaster Original Triple Calendar โดยมีหน้าปัดให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว, สีเทา และสีเขียว ซึ่งหน้าปัดสีเขียวจะมีจำหน่ายเฉพาะในร้านทางการของแบรนด์ Zenith เท่านั้น หน้าปัดนาฬิกาทั้งสามสีมีการแต่งแต้มสีทองทั้งในเข็มนาฬิกาและหลักชั่วโมง ทำให้มีความหรูหราและทันสมัยมากยิ่งขึ้น จับคู่มาพร้อมกับสายหนังหรือสายสเตนเลสสตีลให้เลือกสรรได้ตามความชื่นชอบ ขับเคลื่อนด้วยกลไก Zenith El Primero caliber 3610 พร้อมการสำรองพลังงาน 60 ชั่วโมง

Blancpain Bathyscaphe Quantième Complet Phases de Lune
หากพูดถึงแบรนด์ Blancpain หลาย ๆ คนก็จะนึกถึง Luxury Dive Watch อย่าง Fifty Fathoms ส่วนเรือนที่จะแนะนำวันนี้ คือ Bathyscaphe Quantième Complet Phases de Lune ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้เอง

มาพร้อมฟังก์ชัน Complete Calendar โดยสามารถบอกวัน, วันที่ และเดือนได้ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าแต่ละเดือนมีกี่วัน ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องปรับตั้งค่าในทุก ๆ เดือน ซึ่งจะสามารถอ่านวันที่ได้ผ่านเข็มรูปพระจันทร์ ส่วน Moon-phase ที่เป็นรูปหน้าพระจันทร์ยิ้มเพื่อบอกข้างขึ้นข้างแรมถูกติดตั้งอยู่ที่ 6 นาฬิกา ซึ่งเป็นดีไซน์สุดไอคอนิกของแบรนด์เสมอมา

โดยรุ่นนี้หน้าปัดจะเป็นแบบ Sunburst จะมีหน้าปัดให้เลือก 3 สี คือ สีน้ำเงิน, สีดำ, และ สีเขียว สามารถกันน้ำลึกได้ 300 เมตร มาพร้อมขอบตัวเรือนหมุนได้ทิศทางเดียวตามฉบับ Dive Watch นาฬิการุ่นใหม่นี้ โดดเด่นด้วยวัสดุเซรามิก ซึ่งเป็นครั้งแรกของแบรนด์ Blancpain กับการผลิตสายนาฬิกาแบบเซรามิก ซึ่งจุดเด่นของวัสดุเซรามิกก็คือแข็งกว่าสเตนเลสสตีลเกือบห้าเท่า มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนสูง และมีน้ำหนักที่เบา

โดยสายเซรามิกในแต่ละข้อจะมีถึง 4 ขนาด เมื่อนำมาประกอบกันแล้ว จะได้สายที่ดูเพรียวมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถวางนาฬิกาได้โดยที่ตัวเรือนและสายจะไม่กระทบกันเลย มาพร้อมการเก็บงานบนพื้นผิวของเซรามิกที่ซับซ้อนทำได้ยาก เนื่องจากเป็นวัสดุที่แข็งมาก จึงต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่ทำจากเพชรในการขัดแต่งแบบ Satin-brushing ซึ่งจะเห็นได้ในแต่ละข้อต่อ และส่วนต่าง ๆ ของตัวเรือนที่ถูกเก็บงานอย่างสวยงาม ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไก Automatic Calibre 6654.P ผ่านการเก็บงานด้วยมือ และ Rotor Weight ที่ทำจากทอง 18k โดยกลไกมีความแม่นยำและเสถียรสูง มาพร้อมพลังงานสำรองสูงสุดถึง 72 ชั่วโมง
Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek Philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier,