Hands-on นาฬิกา Blancpain Fifty Fathoms 70th Anniversary ACT 3 MIL-SPEC | Auction House
รีวิวนาฬิกา Blancpain Fifty Fathoms 70th Anniversary ACT 3 MIL-SPEC | Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

Blancpain Fifty Fathoms 70th Anniversary ACT 3 MIL-SPEC
ในปี ค.ศ. 2023 เป็นปีที่สำคัญของ Blancpain แบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เนื่องจากเป็นวาระครบรอบ 70 ปีของนาฬิกาดำน้ำอย่างแท้จริงเรือนแรกของโลกที่มีชื่อว่า Fifty Fathoms ซึ่งทาง Blancpain ได้เริ่มต้นปีแห่งการเฉลิมฉลองด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ โดยแยกออกมาเป็นหลาย Act และในวันนี้ Auction House จะพาทุกคนมาเจาะลึกดูนาฬิการุ่นสุดท้ายของการเฉลิมฉลองครั้งนี้ นั่นก็คือ Fifty Fathoms 70th Anniversary Act 3

ในครั้งนี้ก็ถึงเวลาเปิดตัว Act ที่ 3 กับรุ่น “Fifty Fathoms 70th Anniversary Act 3” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิการุ่น MIL-SPEC หรือที่เรียกว่า Military Specification ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อหน่วยรบพิเศษ U.S. Navy Seal ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในอดีต โดยแฟน ๆ ของ Blancpain จะรู้ว่าแบรนด์ Blancpain นั้น มีประวัติศาสตร์อันมากมายเกี่ยวกับกองทัพเรือต่าง ๆ จากทั่วโลก

สำหรับความเป็นมาของ Fifty Fathoms นั้น ย้อนกลับไปในช่วงยุค 50s การดำน้ำลึกแบบ Scuba ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และนักดำน้ำส่วนใหญ่จะมาจากกองทัพที่ปฏิบัติภารกิจทางน้ำ หรือที่เรียกว่า Combat Diving ซึ่งในตอนนั้นยังไม่ได้มีอุปกรณ์ในการดำน้ำที่ครบครัน จึงทำให้การปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์นาฬิกา Fifty Fathoms เกิดจากประสบการณ์จริงของ Jean-Jacques Fiechter หนึ่งในอดีตซีอีโอของ Blancpain ผู้หลงใหลในการดำน้ำ ซึ่งเขาได้ประสบกับเหตุการณ์อันตราย เพราะในขณะที่กำลังดำน้ำอยู่นั้นก็เกิดเหตุขาดอากาศหายใจ เนื่องจากออกซิเจนในถังหมดลง จึงต้องขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างกะทันหัน ซึ่งเป็นวิธีที่เสี่ยงอันตรายมาก

จากประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นได้ว่า สิ่งที่นักดำน้ำต้องการมากที่สุด ก็คือ อุปกรณ์ที่สามารถบอกระยะเวลาในการดำน้ำได้ ดังนั้นเขาจึงได้รังสรรค์ Fifty Fathoms นาฬิกาดำน้ำอย่างแท้จริงเรือนแรกของโลกขึ้นมาในปี ค.ศ. 1953 พร้อมกับการดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้กลายเป็นต้นแบบของนาฬิกาดำน้ำในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ขอบหน้าปัดหมุนได้สำหรับจับเวลา, หลักบอกชั่วโมงเรืองแสงขนาดใหญ่ที่ตัดกับหน้าปัดสีเข้ม, ความสามารถในการกันน้ำลึก และกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ
ต่อมาไม่นาน Fifty Fathoms ได้ถูกนำมาใช้เป็นนาฬิกาอย่างเป็นทางการของหน่วยรบใต้น้ำของกองทัพเรือฝรั่งเศส (French Combat Diving Corps) และทำให้ชื่อเสียงของ Fifty Fathoms โด่งดังไปทั่วโลก จากนั้นก็ถูกนำไปใช้ในกองทัพทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น อิสราเอล, สเปน, เยอรมันนี, เดนมาร์ก, นอร์เวย์, สวีเดน, ปากีสถาน และ อเมริกา
ความเป็นมาของนาฬิกา MIL-SPEC
เรื่องราวของ Blancpain กับทางกองทัพเรือสหรัฐฯ (US Navy Seal) เริ่มต้นด้วยการร่วมมือกับ Allen V. Tornek ผู้จัดจำหน่ายนาฬิกา Blancpain ในอเมริกา ซึ่งได้เล็งเห็นโอกาสที่ Fifty Fathoms จะได้เข้าไปเป็นนาฬิกาทางการของกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยทางกองทัพ ณ ตอนนั้น ได้ออกข้อบังคับดังต่อไปนี้

1. ต้องผ่านการทดสอบแรงดันที่ 175 ปอนด์
2. กระจกต้องผ่านการทดสอบความทนทาน โดยการปล่อยลูกเหล็กที่ความสูง 40 นิ้วลงมากระทบกับกระจกหน้าปัด
3. ต้องมี Rotating "ring" หรือ ขอบหน้าปัดหมุนได้
4. ต้องสามารถอ่านค่าได้ในที่มืด
5. ต้องมี Moisture indicator หรือ มาตรวัดความชื้นบนหน้าปัด

แบรนด์ Blancpain จึงได้พัฒนาฟังก์ชันพิเศษต่าง ๆ ขึ้นมาตามที่กองทัพสหรัฐฯ ต้องการ หนึ่งในนั้นก็คือ Moisture indicator หรือ ฟังก์ชันวัดความชื้น บนหน้าปัด ซึ่งฟังก์ชันนี้จะทำหน้าที่วัดความชื้น โดยหากมีน้ำแทรกซึมเข้าสู่ตัวเรือน มาตรวัดก็จะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง เนื่องในสมัยนั้นนาฬิกาจะถูกเก็บไว้ในห้องอุปกรณ์ดำน้ำ และเมื่อหน่วยกองทัพเรือสหรัฐฯ จะนำออกไปใช้ ก็สามารถเช็กสภาพของนาฬิกาได้อย่างรวดเร็วว่านาฬิกายังกันน้ำได้ดีอยู่และไม่ได้เสียหายจากการปฏิบัติภารกิจครั้งก่อนหน้า

ซึ่งแบรนด์ Blancpain ก็เป็นเพียงแบรนด์เดียวที่ผ่านบททดสอบต่าง ๆ จนได้กลายเป็นนาฬิกาอย่างเป็นทางการของกองทัพเรือสหรัฐฯ และนี่คือรูปถ่ายของประธานาธิบดีสหรัฐ จอห์น เอฟ. เคนเนดี กับหน่วย Navy Seal ที่สวมใส่ Fifty Fathoms ส่วนรุ่น Fifty Fathoms MIL-SPEC ซึ่งถูกเปิดตัวต่อสาธารณชนในปี 1957 ในปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในรุ่นที่หายากและเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลกอีกด้วย
มาเจาะลึกนาฬิกา Act 3 โดยภาพรวมเป็นการออกแบบสุดไอคอนิกของ Fifty Fathoms จากหนึ่งในรุ่นที่หายากที่สุด ซึ่งคงความเป็น Tool Watch ที่ผสานเข้ากับความหรูหราได้เป็นอย่างดี

โดยนาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกล่องนาฬิกาที่แปลกใหม่และแหวกแนวเป็นอย่างมาก เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากเคสของกล้องถ่ายภาพใต้น้ำในสมัยก่อน เพื่อสื่อถึงโครงการอนุรักษ์มหาสมุทรของ Blancpain ผ่านภาพถ่ายใต้น้ำอันน่าทึ่งต่าง ๆ

ส่วนนาฬิกาได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนึ่งใน Fifty Fathoms MIL-SPEC รุ่นดั้งเดิมที่ออกมาในยุค 1964 และยังคงขนาดหน้าปัดที่ 41.3 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับรุ่นต้นแบบ มีความหนาอยู่ที่ 13.3 มิลลิเมตร โดยจุดเด่นของเรือนนี้ก็คือโทนสีที่ยังเป็นโทนดั้งเดิมของ MIL-SPEC ยุค 1964 ซึ่งใช้วัสดุตัวเรือนเป็นบรอนซ์ แต่สำหรับรุ่นใหม่นี้ได้มีการอัปเกรดวัสดุขึ้นมาเป็นบรอนซ์โกลด์ 9K ซึ่งเป็นอัลลอยด์ผสมชนิดพิเศษ โดยมีส่วนผสมทองคำ 37.5% (หรือทอง 9K) ทองแดง 50% รวมถึงเงิน, แพลเลเดียม และแกลเลียม ทำให้ได้เฉดทองสีชมพูอ่อนที่ดูสวยงามและมีเอกลักษณ์ ซึ่งข้อดีของวัสดุบรอนซ์โกลด์ 9K นี้ ก็คือ ไม่ทำให้เกิดออกซิเดชัน (Oxidation) จึงทำให้สามารถคงเฉดสีนี้ไปได้ตลอด โดยไม่เกิด Patina หรือ Aging เหมือนวัสดุบรอนซ์ทั่วไปที่จะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นสนิมสีเขียว

ส่วน Bezel หรือ ขอบหน้าปัด จะไม่เหมือนกับ Fifty Fathoms รุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ Sapphire Crystal ทรงโค้ง แต่นาฬิการุ่นนี้ผสานวัสดุบรอนซ์โกลด์ให้เข้ากับขอบหน้าปัดเซรามิกสีดำที่หมุนได้ทิศทางเดียว นอกจากนี้แล้ว จุดเด่นที่สำคัญของ Fifty Fathoms ก็คือ สเกลตัวเลขขนาดใหญ่ที่อยู่บนขอบหน้าปัดมีการเคลือบสารเรืองแสงที่ให้ความสว่างแม้อยู่ในที่มืดได้อย่างเด่นชัด

สำหรับเค้าโครงบนหน้าปัดก็ยังคงการออกแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ หลักชั่วโมงที่เป็นทรงกลม สลับกับสี่เหลี่ยม และสามเหลี่ยมอยู่ตรงตำแหน่ง 12 นาฬิกา รวมถึงชุดเข็ม ชั่วโมง นาที และวินาที ก็มาในรูปแบบดั้งเดิม โดยทั้งหมดจะใช้โทนสีเบจซึ่งตัดกับหน้าปัดสีดำได้อย่างลงตัว ซึ่งทั้งหลักชั่วโมงและชุดเข็มต่าง ๆ มีการเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® เอาไว้ และที่พิเศษสุดคือ การมี Moisture indicator หรือ ฟังก์ชันแสดงความชื้น อยู่ที่บริเวณตำแหน่ง 6 นาฬิกา

ส่วนด้านข้างตัวเรือนไปจนถึงขานาฬิกาก็ถูกขัดแต่งอย่างประณีตแบบ Brushed finish ทำให้ดูมีความด้านและไม่เงาจนเกินไป จึงลงตัวเหมาะกับความเป็น Tool watch ที่เต็มไปด้วยความหรูหราได้เป็นอย่างดี ในส่วนของเม็ดมะยมที่อยู่ด้านข้างตัวเรือนฝั่งขวาเป็นแบบดั้งเดิมเช่นกัน ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้มี Crown Guard (ที่ปกป้องเม็ดมะยม) และ Triple Lock แต่เม็ดมะยมจะมีการซีลสองชั้นเพื่อป้องกันน้ำเข้า และมียางปะเก็นที่ช่วยให้กันน้ำได้ดียิ่งขึ้น ทำให้นาฬิกาดูสะอาดตาและใช้งานได้สะดวก พร้อมกับการประทับสัญลักษณ์ JB อันเป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ไว้บนเม็ดมะยมนี้อีกด้วย

พลิกมาดูด้านหลังตัวเรือน โดยฝาหลังจะเป็นแบบโปร่งใส เผยให้เห็นการทำงานของกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ Caliber Blancpain 1154.P2 ที่มาพร้อมการเก็บงานระดับ Hand finish ที่ขัดแต่งด้วยมือทั้งสิ้นอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็น บนสะพานจักร, สายใยนาฬิกา (Balance Spring), รวมถึงการแกะสลักลวดลายก้นหอยด้วย ซึ่งการเก็บงานด้วยมือนี้เป็นสิ่งที่ทำให้แฟน ๆ ของ Blancpain ประทับใจเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้แล้วตัวโรเตอร์ที่ผลิตจากทองคำ 18k ก็มีการฉลุช่องเปิดตามรุ่นต้นแบบ มาพร้อมกับความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น และสามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นครั้งแรกของ Blancpain ที่ต้านสนามแม่เหล็กได้มากถึง 1,000 เกาส์ และยังโชว์กลไกให้เห็นได้ด้วย เพราะรุ่นดั้งเดิมจะไม่สามารถมองเห็นด้านในได้เลย โดยกลไกตัวนี้มีพลังงานสำรองยาวนานมากถึง 100 ชั่วโมง และยังสามารถกันน้ำลึกได้ถึง 300 เมตรอีกด้วย

สำหรับสายนาฬิกา เป็นสาย NATO แบบทูโทนเฉดสีเดียวกับเรือนดั้งเดิม ซึ่งผลิตมาจากซากอวนจับปลาที่กู้ขึ้นมาจากทะเล นับว่าเป็นการรีไซเคิลและสนับสนุนพันธกิจ Ocean Commitment ของ Blancpain ได้อย่างน่าชื่นชม โดยสีทูโทนของสายจะเข้ากันกับตัวเรือนได้เป็นอย่างดี ทำให้ภาพรวมของนาฬิกาดูสวยงามแบบวินเทจแต่ผสานเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัวในทุกมิติ

โดยนาฬิกา Fifty Fathoms 70th Anniversary Act 3 นี้ ก็ได้ถูกผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 555 เรือนเท่านั้น ในราคา 1,051,000 บาท
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร