ดูวิดีโอ รวม 7 สุดยอดนาฬิกาจากงาน GPHG 2023
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

สิ้นสุดการรอคอยกับงานประกาศรางวัล Grand Prix d'Horlogerie de Genève หรือ GPHG สำหรับสุดยอดนาฬิกาประจำปี 2023 ซึ่งเป็นงานประกาศรางวัลนาฬิกาสุดยิ่งใหญ่ เสมือนงานรางวัลออสการ์สำหรับวงการนาฬิกา

โดยงานประจำปี 2023 นี้ ได้ถูกจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน 2023 ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีนาฬิกาที่ได้รับรางวัลในแต่ละสาขารวมทั้งสิ้น 18 เรือน ซึ่งวันนี้เราจะยกนาฬิกาที่ได้รับรางวัล 7 รางวัล มานำเสนอให้ทุกคนได้ฟังกัน มาดูกันว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง

Petite Aiguille Prize - Christopher Ward C1 Bel Canto

เริ่มต้นกันที่รางวัลแรก Petite Aiguille Prize ซึ่งเป็นรางวัลที่ยกย่องการผลิตนาฬิกาหรูในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น โดยนาฬิกาที่เข้าเกณฑ์จะต้องมีราคาระหว่าง CHF 3,000 ถึง CHF 10,000 หรือ ประมาณ 110,000 ถึง 390,000 บาท ซึ่งรางวัลนี้ตกเป็นของแบรนด์ Christopher Ward กับรุ่น C1 Bel Canto (เบล - แคนโท)

ความพิเศษของนาฬิกาเรือนนี้อยู่ที่กลไก Caliber FS01 ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย Frank Stelzer ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของแบรนด์ Christopher Ward โดยได้นำกลไก Jumping Hour ของแบรนด์ที่ผลิตขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาประยุกต์และเพิ่มส่วนประกอบใหม่ ๆ มากถึง 50 ชิ้น เพื่อสร้างสรรค์เป็น Striking Watch (สไตรกิง วอตช์)

ที่สามารถบอกเวลาผ่านเสียงระฆังได้ โดยเสียงระฆังนี้จะดังทุก ๆ ชั่วโมง ซึ่งสามารถกดปุ่ม Pusher เพื่อให้ระฆังทำงานหรือหยุดทำงานได้ โดยมีตัวบ่งชี้สีแดงเป็นตัวบ่งบอกสถานะว่าฟังก์ชันนี้เปิดหรือปิดอยู่ ซึ่งกลไกนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดศาสตร์แห่งการประดิษฐ์กลไกนาฬิกาจักรกลเลยก็ว่าได้

Men’s Complication Watch Prize - Voutilainen World Timer

สำหรับรางวัล Men’s Complication Watch Prize สุดยอดนาฬิกาข้อมือสุดสลับซับซ้อนสำหรับสุภาพบุรุษ ตกเป็นของแบรนด์ Voutilainen กับรุ่น World Timer สร้างสรรค์ขึ้นโดย Kari Voutilainen เป็นหนึ่งในช่างทำนาฬิกาอิสระที่ได้รับการยกย่องและน่านับถือมากที่สุดคนหนึ่ง

Voutilainen ได้สร้างนาฬิกาข้อมือที่มีตัวเรือนเป็นทรงคุชชั่นแบบใหม่ ขนาด 39 x 39 มิลลิเมตร ที่ขอบตัวเรือนมีสกรูอยู่ทั้ง 4 มุมเพื่อยึดตัวเรือนไว้อย่างหนาแน่น โดยการดีไซน์นี้จะคล้ายกับ Pocket Watch ของ Voutilainen ที่ออกมาในงาน Only Watch เมื่อปี 2019

ซึ่งจะแตกต่างจากนาฬิกาข้อมือปกติของทางแบรนด์ที่มีตัวเรือนกลมแบบคลาสสิก เพราะแบรนด์ต้องการออกแบบนาฬิกาให้เหมาะกับยุคศตวรรษที่ 21 เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นที่มีความ Casual และ Sport มากขึ้น

Ladies’ Complication Watch Prize - Dior รุ่น Grand Soir Automate Etoile de Monsieur Dior

Ladies’ Complication Watch Prize เป็นรางวัลสำหรับสุดยอดนาฬิกาข้อมือที่มีความสลับซับซ้อนสำหรับสุภาพสตรี

ความพิเศษของเรือนเวลาชิ้นนี้อยู่ที่กลไกบนหน้าปัดที่เป็นแบบ Automation ซึ่งจะทำงานเมื่อกดปุ่มเม็ดมะยมที่ทำจากทองคำขาว โดยกลไกของนาฬิกาจะขับเคลื่อนส่งดาวดวงเล็ก ๆ สองดวงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสีคราม ณ ตำแหน่ง 3 และ 8 นาฬิกา ทำให้หน้าปัดนาฬิกาเปรียบเสมือนฉากแห่งความฝันที่แท้จริง

เพราะจะเห็นภาพสามมิติของท้องฟ้าที่มีดาวตกอันถูกประดับด้วยเพชรที่สามารถเคลื่อนที่ขึ้นมาและร่วงลับขอบฟ้าไปได้ด้วยการบดบังของเมฆที่ทำจากหอยมุก หรือ Mother of Pearl ที่ถูกแกะสลักไว้อย่างสวยงาม

Calendar & Astronomy Watch Prize - BOVET Récital 20 Astérium

Calendar & Astronomy Watch Prize เป็นรางวัลสำหรับสุดยอดนาฬิกากลไกด้านปฏิทินและดาราศาสตร์ ซึ่งแบรนด์ที่ได้รับรางวัลนี้ก็คือ BOVET รุ่น Récital 20 Astérium

โดยนาฬิกาเรือนนี้อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันอันซับซ้อนเกี่ยวกับดาราศาสตร์อย่างมากมาย ซึ่งเราจะพาทุกคนมาดูแต่ละฟังก์ชันไปพร้อมกัน

เริ่มจากหน้าปัดย่อยตรงกลางด้านบนนั้นจะเป็นสเกลการบอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง อีกทั้งจะเห็นกลุ่มดาวต่าง ๆ ที่ถูกแกะสลักด้วยเลเซอร์อยู่บนกระจกควอตซ์สีฟ้า (Quartz) ทรงโดม พร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova ที่จะส่องสว่างเรืองแสงอย่างสวยงามในที่มืด

ส่วนเดือนจะบอกผ่านแผ่นดิสก์ที่หมุนได้ซึ่งอยู่ข้างใต้ โดยเข็มชั่วโมงรูปทรงแปลกตาทำหน้าที่ 3 อย่างด้วยกัน ก็คือ ชี้บอกเวลาชั่วโมง พร้อมทำหน้าที่เป็นเข็มทิศชี้ไปทิศเหนือ และส่วนดวงดาวที่อยู่ในรูปทรงไข่ หรือ Oval Shape ของเข็มคือกลุ่มดาวจักรราศีที่จะสามารถมองเห็นได้บนฟ้า ณ เวลานั้น

ส่วนหน้าปัดย่อยด้านขวาจะเป็นการบอกนาทีแบบ Retrograde Minutes ที่เข็มนาทีจะเด้งกลับมายังจุดเริ่มต้นที่เลข 0 ทุกครั้งที่ครบ 60 นาที และด้านในอีกชั้นจะแสดงพลังงานสำรองที่เหลือ ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้มีพลังงานสำรองนานถึง 10 วันเลยทีเดียว

ส่วนหน้าปัดย่อยด้านซ้ายจะเป็นสมการเวลา Equation of Time ที่มีปฏิทินสุริยคติและแสดงข้างขึ้นข้างแรม (Moonphase) ของซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้พร้อมกัน

นอกจากนี้แล้ว บริเวณตำแหน่ง 6 นาฬิกา จะมีทูร์บิญงที่ดูเหมือนล่องลอยอยู่กลางอากาศ สามารถมองทะลุไปยังด้านหลังได้เลย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ Bovet

พลิกกลับมาดูด้านหลังจะเห็นการบอกเวลาที่ทางแบรนด์เรียกว่า Annual Calendar หรือ ปฏิทินรายปีนั่นเอง ซึ่งจะสามารถอ่านค่าได้ผ่านเข็มกลาง Central Hand โดยเข็มนี้จะใช้เวลา 365 วัน 6 ชั่วโมง 9 นาที 9.77 วินาที จึงจะหมุนครบรอบทั้งหมด ซึ่งเป็นการนับปีแบบ Sidereal year อีกทั้งยังสามารถอ่านค่าต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาล (Season), วันครีษมายัน กลางวันและกลางคืนยาวนานที่สุด (Solstice), จุดราตรีเสมอภาค (Equinox), จักรราศี (Zodiac), และ เดือน (Month) อีกด้วย แน่นอนว่าเรือนเวลาที่รวมฟังก์ชันสุดซับซ้อนเกี่ยวกับดาราศาสตร์มาไว้ในที่เดียวนี้ มีเพียงเรือนเดียวเท่านั้น

Artistic Crafts Watch Prize - Piaget Altiplano Métiers d'Art - Undulata

สำหรับรางวัล Artistic Crafts Watch Prize คือ รางวัลเรือนหัตถศิลป์ยอดเยี่ยม ซึ่งแบรนด์ที่ได้รับรางวัลนี้ก็คือ Piaget กับรุ่น Altiplano Métiers d'Art - Undulata ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงดงามและความแข็งแกร่งของธรรมชาติ

โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่ผสมผสานเฉดสีเขียว, สีน้ำเงินและ Iridescent Hues หรือสีเหลือบ ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว มีการแต่งเติมสีสันอย่างสวยงามและรังสรรค์พื้นผิวอย่างประณีต ซึ่งประกอบไปวัสดุหลากหลาย เช่น เยื่อไม้, ฟาง และ หนัง จึงออกมาเป็นหน้าปัดอันสวยงาม มีผิวสัมผัสที่แตกต่างอย่างลงตัว

ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นโดย Rose Saneuil ศิลปินชาวฝรั่งเศส เธอได้เจียระไนแต่ละองค์ประกอบอย่างพิถีพิถันก่อนจะประดับชิ้นส่วนทีละชิ้นลงบนหน้าปัด เนื่องจากวัสดุแต่ละชิ้นมีความบางเฉียบ จึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความประณีตเป็นอย่างมากในการประกอบให้เข้ากันอย่างลงตัว ซึ่งขั้นตอนในการทำหน้าปัดนี้ใช้เวลานานกว่า 44 ชั่วโมงเลยทีเดียว

นอกจากนี้แล้ว นาฬิกายังโดดเด่นด้วยกลไก Tourbillon ที่ประดับอยู่บนหน้าปัดฝั่งขวามือ ล้อมรอบด้วยเพชรน้ำดีมีความระยิบระยับอย่างงดงาม ส่วนฝั่งซ้ายมือก็มีพื้นที่สำหรับหลักชั่วโมง ซึ่งประกอบไปด้วยเข็มชั่วโมงและนาทีสำหรับบอกเวลาตามปกติ หน้าปัดถูกล้อมรอบด้วยอัญมณีทรงสี่เหลี่ยมอย่างสวยงาม

Audacity Prize - Maison Alcée Persée Azur

Audacity Prize หรือ รางวัลนาฬิกาสุดสร้างสรรค์ในแบบที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน แบรนด์นาฬิกา Maison Alcée รุ่น Persée Azur โดยจุดเด่นของนาฬิกาอยู่ที่ทางแบรนด์ได้ร่วมมือกับโรงเรียนช่างทำนาฬิกา เพื่อออกแบบกลไกชนิดพิเศษที่ทำให้ลูกค้าสามารถประกอบตัวเรือนขึ้นมาเองได้

โดยลูกค้าก็จะได้ความรู้ในการประดิษฐ์นาฬิกาและได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ได้ดีไซน์มาเป็นแบบร่วมสมัย (Contemporary Clock) โดยหลังจากที่นาฬิกาถูกประกอบและทดสอบในห้องปฏิบัติงานแล้ว ก็จะถูกถอดส่วนประกอบต่าง ๆ ออก และนำส่วนประกอบต่าง ๆ ส่งไปให้กับลูกค้า

โดยมีเพียงชิ้นส่วนสำหรับควบคุมเท่านั้นที่ถูกประกอบไว้ล่วงหน้า ส่วนที่เหลืออีก 169 ชิ้นนั้นผู้ซื้อจะต้องประกอบขึ้นเองที่บ้าน โดยใช้ชุดคู่มือที่ให้มาซึ่งจะมีรายละเอียดของแต่ละขั้นตอนเขียนอธิบายไว้อย่างชัดเจน สำหรับส่วนประกอบแต่ละชิ้นได้รับการขัดแต่งอย่างประณีตเพื่อให้ได้พื้นผิวที่โดดเด่นเป็นพิเศษ มีทั้งการขัดแต่งผิวแบบซาติน การขัดเงาอย่างสวยงาม และการแต่งผิวแบบพ่นทรายที่มีความหยาบเล็กน้อย ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงงานฝีมือที่ทางแบรนด์ใส่ใจในการรังสรรค์ทุกขั้นตอนอย่างแท้จริง

Aiguille d’Or - Audemars Piguet Ultra-Complication Universelle

ปิดท้ายด้วย รางวัล Aiguille d’Or หรือ นาฬิกายอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี 2023 ได้ตกเป็นของแบรนด์ Audemars Piguet รุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet Ultra-Complication Universelle ความพิเศษที่สุดของเรือนนี้ก็คือ ฟังก์ชันสุดซับซ้อนระดับ Ultra-Complication ถือเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของทางแบรนด์ที่เปี่ยมไปด้วยความซับซ้อนมากขนาดนี้

โดยนาฬิกาเรือนนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นการยกย่องกลไกของนาฬิกาพก L’Universelle ในปี 1899 ซึ่งเป็นหนึ่งในนาฬิกาพกที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่ Audemars Piguet เคยผลิตมา

โดยนาฬิการุ่นนี้มาพร้อมทั้งหน้าปัดแบบ Solid และหน้าปัดแบบที่ทางแบรนด์เรียกว่า Architectural Dial

อีกทั้งนาฬิกาเรือนนี้ยังผสาน 40 ฟังก์ชันเข้าไว้ด้วยกันในเรือนเดียว! โดยแบ่งออกเป็น 23 Complications ที่สุดสลับซับซ้อน เช่น Moon Phases, Flyback Chronograph, Split Second Chronograph, Perpetual Calendar, รวมไปถึงกลุ่มฟังก์ชันบอกเวลาด้วยเสียง Supersonnerie Technology อย่าง Petite Sonnerie, Grande Sonnerie และ Minute Repeater

Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek Philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier,