Auction House Logo

แนะนำสุดยอดนาฬิกาจากงาน GPHG 2021 | Watch Talk EP.22

แนะนำสุดยอดนาฬิกาจากงาน GPHG 2021 | Watch Talk EP.22

แนะนำสุดยอดนาฬิกาจากงาน GPHG 2021 | Watch Talk EP.22

สุดยอดนาฬิกาจากงาน GPHG 2021 | Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

นาฬิกาจากงาน GPHG 2021

Prix d’Horlogerie de Genève (GPHG) เป็นงานประกาศรางวัลนาฬิกายอดเยี่ยมแห่งปี 2021 เป็นเหมือนรางวัลออสการ์ของวงการนาฬิกา ซึ่งงาน GPHG ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการตอบแทนผู้ที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของการสร้างสรรค์และพัฒนานาฬิกา โดยเน้นความเป็นกลางในการตัดสิน ซึ่งการให้คะแนนมาจากคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นในแต่ละปี โดยมาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ที่อยู่ในแวดวงนาฬิกาทั้งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และต่างประเทศ

Calendar & Astronomy Watch Prize

Christiaan Van Der Klaauw - Planetarium Eise Eisinga

Christiaan Van Der Klaauw หลงใหลในเรื่องดาราศาสตร์มาอย่างยาวนาน และมักจะผลิตนาฬิกาที่เกี่ยวกับดาราศาสตร์อยู่บ่อย ๆ ซึ่งหนึ่งในนาฬิกาที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี คือ CVDK Planetarium Eise Eisinga ที่ได้รวมเอาท้องฟ้าจำลองที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ใช้งานได้จริงมาไว้ในกลไกที่เล็กที่สุดในโลก

Men’s Complication Watch Prize

MB&F - LMX Titanium

นาฬิกาโดดเด่นด้วยหน้าปัดแบบสเกเลตันที่โชว์ให้เห็นการทำงานของกลไกที่มีความความสลับซับซ้อน มาพร้อมการแสดงเวลา Dual time และแสดงวัน สามารถสำรองพลังงานได้ 168 ชั่วโมง ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 33 เรือนเท่านั้น

Artistic Crafts Watch Prize

MB&F - LM SE Eddy Jaquet Around the World in Eighty Days

นาฬิกามีความโดดเด่นด้านการแกะสลักด้วยมือ ที่รวมทั้งศาสตร์และศิลป์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยหน้าปัดถูกแกะสลักด้วยมือทั้งหมดเป็นภาพฉากจากนวนิยายชื่อ Around the World in Eighty Days ซึ่งถูกแกะสลักด้วยฝีมือของช่างแกะสลักระดับมาสเตอร์อย่าง Eddy Jaquet ที่รังสรรค์ขึ้นเพียง 8 เรือนเท่านั้น สำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง

Ladies’ Watch Prize

Piaget - Limelight Gala Precious Rainbow

ความน่าสนใจของ Limelight Gala เฉดสีรุ้ง คือ ทางแบรนด์พยายามหาอัญมณีหลากหลายสีที่เข้ากับนาฬิกาได้เป็นอย่างดี โดยมีการคัดสรรอัญมณีที่ดีที่สุดที่มีขนาดและคุณภาพระดับสูงตรงตามมาตรฐานของแบรนด์ หน้าปัดประดับตกแต่งด้วยอัญมณีสีสันเรียงรายให้เป็นเฉดสีรุ้ง

Ladies’ Complication Watch Prize

Van Cleef & Arpels - Lady Féerie watch

ที่สุดแห่งความสวยงาม ได้แรงบันดาลใจมาจากความงดงามของเหล่าเทพธิดานางฟ้าที่อยู่บนสวรรค์ เป็นการรวบรวมความชำนาญแขนงต่าง ๆ ในการประดิษฐ์นาฬิกาให้เข้ากับงานหัตถศิลป์ได้อย่างสวยงามและลงตัว มีการฝังเพชรอย่างละเอียดด้วยความชำนาญจากช่างฝีมือของทางแบรนด์

Diver’s Watch Prize

Louis Vuitton Tambour Street Diver Skyline Blue

นาฬิการุ่น Tambour Street Diver โดดเด่นด้วยสีสันสดใสของหน้าปัด เป็นการสะท้อนถึงงานฝีมือที่ผสมผสานกับงานแฟชั่นอันเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างลงตัว มาพร้อมความสามารถในการกันน้ำลึก 100 เมตร และมีการเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova สีฟ้าบนเข็มและมาร์คเกอร์

Audacity Prize

Louis Vuitton, Tambour Carpe Diem

โดดเด่นด้วยหน้าปัดแกะสลัก ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะแนว Vanitas ซึ่งเป็นศิลปะที่แสดงถึงความไม่แน่นอนของชีวิต มีการแฝงความหมายทางศีลธรรมและจริยธรรมที่บอกเล่าความไม่เที่ยงของชีวิต มาพร้อมความสวยงามด้านงานศิลป์ มีกลไกที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่แบรนด์เคยสร้างสรรค์ขึ้นมา และมีเพียงเรือนเดียวในโลก

Aiguille d’Or

BVLGARI - Octo Finissimo

BVLGARI Octo Finissimo ได้รับรางวัลนาฬิกายอดเยี่ยมแห่งปี 2021 ซึ่งเป็นถือว่าเป็นสุดยอดนาฬิกาในภาพรวมจากทุกประเภท จุดเด่นของนาฬิกาเรือนนี้ คือ กลไกมีขนาดบางพิเศษเพียง 5.80 มิลลิเมตร เท่านั้น มาพร้อมฟังก์ชันปฏิทินถาวรที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ทำให้นาฬิกาแสดงเวลาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

Other Awards

Men’s Watch Prize - Grand Seiko SLGH005

นาฬิกาสำหรับผู้ชายโดดเด่นด้วยกลไกเครื่องใหม่ล่าสุด Calibre 9SA5 ที่มีความแม่นยำ -3 ถึง +5 วินาทีต่อวัน ที่พัฒนาและผลิตเองภายในโรงงาน สามารถสำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง อีกทั้งยังคงความเที่ยงตรงมากและทนต่อแรงกระแทกมากกว่ารุ่นก่อน ๆ มาพร้อมหน้าปัดแล็กเกอร์ขัดเงา แสดงชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ไว้ได้อย่างลงตัว

Tourbillon Watch Prize คือ De Bethune - DB Kind of Two Tourbillon

โดดเด่นด้วยการเป็นนาฬิกาสองด้าน สามารถพลิกกลับด้านได้ และมีความซับซ้อนของกลไก Tourbillon ในระดับสูง หน้าปัดมีการออกแบบร่วมสมัยที่เพรียวบาง ได้แรงบันดาลใจมาจากสุนทรียศาสตร์แบบดั้งเดิม มีการตกแต่งด้วยการแกะลายกิโยเช่ที่รวมเอาความสวยงามและเทคนิคการสร้างสรรค์นาฬิกาแบบ 2 หน้า ได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ

Chronograph Watch Prize - Zenith Chronomaster Sport

นาฬิกาโครโนกราฟที่ทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ Calibre El Primero 3600 เดินด้วยความถี่ 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้มีความแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการสำรองพลังงาน 60 ชั่วโมง มาพร้อมหน้าปัดสีขาวที่มีหน้าปัดย่อยสามโทนสีอันเป็นเอกลักษณ์ของ

Jewellery Watch Prize - Chopard Flower Power

นาฬิกาอัญมณี “พลังแห่งดอกไม้” ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตโดยช่างฝีมือ ที่แรงบันดาลใจอันชวนฝันของแคโรไลน์ เชอเฟเล่ ประธานร่วมและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ ซึ่งมาในธีมพาราไดซ์ คือ สวรรค์ของดอกไม้ หน้าปัดเปลือกหอยมุก มีการประดับเพชรและอัญมณีสีต่าง ๆ และต่างรูปทรง ทั้งบนตัวเรือน ขอบตัวเรือน หน้าปัด สายข้อมือ และหัวเข็มขัดสาย ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ผลิตขึ้นพียง 1 เรือนเท่านั้น

Petite Aiguille Prize คือ Tudor - Black Bay Ceramic

นาฬิการุ่น Black Bay Ceramic ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ไม่ธรรมดาและเป็นสัญลักษณ์แห่งความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของแบรนด์ ด้วยตัวเรือนเซรามิกสีดำด้าน ที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของแบรนด์ ทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ Manufacture Calibre MT5602-1U ที่ผ่านประกาศนียบัตรรับรองระดับ Master Chronometer โดย METAS และสามารถสำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง

Challenge Watch Prize - CIGA Design Blue Planet

นาฬิกาเรือนนี้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อร่วมมือกันปกป้องโลกใบนี้ โดยการประดิษฐ์กลไกไขลานอัตโนมัติของแบรนด์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดภาพรูปโลกและมหาสมุทรจำลองมาจากสเกลและอัลติจูดจริง มาพร้อมเข็มชี้ชั่วโมงที่หมุนชี้ไปยังสเกลชั่วโมงยึดอยู่กับที่ อีกทั้งยังแสดงนาทีผ่านสเกลนาทีหมุนได้ และผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือน เท่านั้น

รางวัล Innovation Prize - Bernhard Lederer Central Impulse Chronometer

โดดเด่นด้วยการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ให้ความเที่ยงตรงและความเสถียรที่มากขึ้น ด้วยการบรรจุกลไกไขลานอัตโนมัติ Calibre 9012 พร้อมทั้งพัฒนาโครงสร้างของ Central Impulse Chronometer escapement ให้มีความเที่ยงตรงและความเสถียรที่มากขึ้น ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 25 เรือน เท่านั้น

รางวัล Horological Revelation Prize - Furlan Marri MR. Grey Ref. 1041-A

โดดเด่นด้วยกลไก Hybrid Meca-Quartz ที่ผสมผสานโมดูลจักรกลให้เข้ากับฐานกลไกควอตซ์ได้อย่างลงตัว มาพร้อมรูปลักษณ์นาฬิกาสไตล์คลาสสิกตามประเพณีดั้งเดิม ที่มีความวินเทจและความทันสมัย มีการแสดงเวลาชั่วโมง นาที และแสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งฟังก์ชันโครโนกราฟ

รางวัล Iconic Watch Prize - Audemars Piguet, Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin

ความพิเศษของรุ่นนี้อยู่ที่หน้าปัดและวัสดุที่ใช้ในการผลิต โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเขียวรมควันที่ขัดแต่งด้วยเทคนิค Smoked Green Sunburst เพื่อให้ได้สีที่มีการไล่ระดับจากตรงกลางเขียวแผ่ออกไปยังขอบจะมีสีดำ ขัดแต่งลวดลายซาตินทั้งตัวเรือนและสาย ยกเว้นตรงสันขอบของตัวเรือนที่มีการขัดเงา เข็มนาฬิกาและหลักชั่วโมงแบบขีดทำจาก White gold พร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super Luminova เอาไว้เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนในที่มืด ขับเคลื่อนด้วยกลไก Selfwinding Calibre 2121 สำรองพลังงานได้สูงสุด 40 ชั่วโมง และกันน้ำลึก 50 เมตร

อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

Recommended Posts