รวมนาฬิกา Joe Biden
Joe Biden (โจ ไบเดน) ประธานาธิบดีของสหรัฐคนปัจจุบัน ได้เลือกสวมใส่นาฬิกาที่มีความคลาสสิก สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกภาพและความมั่นใจของเขาในลุคที่หลากหลายผ่านนาฬิกาที่เขาใส่ ดังนั้นในครั้งนี้ Auction House จะพาทุกคนมาส่องนาฬิกาของ โจ ไบเดน ผู้นำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพว่าเขาใส่นาฬิการุ่นไหนบ้าง ตามมาดูไปพร้อม ๆ กัน

Rolex Datejust 41
เริ่มต้นด้วย Rolex Datejust 41 Ref. 126300 ซึ่งโจ ไบเดนเลือกรุ่นที่ทำจาก Oystersteel ถือว่าเป็นการเลือกที่เรียบง่าย เพราะเป็นรุ่นเริ่มต้นที่มีความ "สปอร์ตเก๋" เน้นที่ประสิทธิภาพในการใช้งานเป็นหลัก โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีดำสว่าง ขอบหน้าปัดเป็นแบบเรียบมีแสงสะท้อนเพิ่มความโดดเด่นให้รูปลักษณ์อันสง่างามของตัวเรือนได้เป็นอย่างดี ขนาดตัวเรือนอยู่ที่ 41 มิลลิเมตร จับคู่กับสายนาฬิกา Jubilee ที่ลงตัวเป็นอย่างมาก มาพร้อมกับกลไกใหม่ Calibre 3235 ที่ได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นโดย Rolex อีกทั้งยังได้การรับรองมาตรฐานความเที่ยงตรงจาก COSC และมีราคาอยู่ที่ 270,000 บาท

Seiko Alarm Chronograph
Seiko 7T32-6M90 Chronograph เป็นนาฬิกาที่โจ ไบเดนใส่มันมาตลอดหลายสิบปี และได้ใส่ในช่วงหาเสียงด้วย ตัวเรือนเป็นสแตนเลสทูโทนสีทอง-เงิน ขนาด 38 มิลลิเมตร กรอบหน้าปัดสีทอง ตัดกับพื้นหน้าปัดสีขาว มีหน้าปัดย่อย 3 อัน ซึ่งขอบหน้าปัดย่อยก็จะตัดด้วยกรอบสีทองเช่นกัน ทำให้ดูเรียบหรูและสปอร์ตในเวลาเดียวกัน ซึ่งเหมาะกับไบเดนเป็นอย่างมาก มองดูแล้วสง่างามเหมาะสมกับความเป็นผู้นำที่เรียบง่ายของเขา เพราะนาฬิการุ่นนี้เป็นระบบควอตซ์เสริมด้วยฟังก์ชันโครโนกราฟที่ใช้งานได้จริงและราคาไม่แพง แต่การเลือก Seiko ก็สามารถบ่งบอกถึงสไตล์ได้อย่างชัดเจนว่าชอบความเรียบง่ายและสปอร์ตแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่แฝงอยู่ ซึ่งนาฬิการุ่นนี้มีราคาอยู่ที่ 4,504 บาทเท่านั้น

Vulcain Cricket
Vulcain Cricket เป็นนาฬิกาข้อมือที่โด่งดังจากระบบเตือนภัยที่มีความซับซ้อน ซึ่งนวัตกรรมนี้ทำให้นาฬิกา Vulcain เป็นที่นิยมมากในหมู่ประธานาธิบดีอเมริกัน และเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่ประธานาธิบดีสหรัฐต้องเลือกสวมใส่ เพราะเหมือนเป็นประเพณีในการมอบนาฬิกาเพื่อเป็นของขวัญให้กับประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกตั้งใหม่แต่ละคน ซึ่งโจ ไบเดน ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับนาฬิกา Vulcain Cricke จากครอบครัว Paanjanen ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องประดับในเมืองเฮลซิงกิ (Helsinki) ประเทศฟินแลนด์ และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือน่านาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้ผลิตโดย Vulcain แต่ผลิตขึ้นภายใต้ใบอนุญาตจากผู้ถือสิทธิ์ของ Vulcain ชื่อ Michel Ditisheim ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้มีประโยชน์ต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก เพราะสามารถปลุกแจ้งเตือนภัยได้โดยการกดปุ่มตั้งค่าตรงเม็ดมะยม ตัวเรือนเป็นสเตนเลสสตีล ขนาด 42 มิลลิเมตร จับคู่กับสายหนังจระเข้สีเข้มแบบวินเทจ มีราคาอยู่ที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 27,000 บาท

Omega Speedmaster Professional Moonwatch
Omega Speedmaster Professional Moonwatch เป็นนาฬิกาที่มีตำนานสำคัญในโลกของนาฬิกา เพราะเป็นนาฬิกาที่นักบินอวกาศคนสำคัญของโลก คนที่เหยียบดวงจันทร์เป็นคนที่สอง Buzz Aldrin ได้สวมใส่นาฬิกาเรือนนี้ไปด้วย ฉะนั้นจึงได้กลายเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่ได้ลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ และโจ ไบเดน ก็ใส่นาฬิกาเรือนนี้ในวันที่ชนะเลือกตั้งอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่สวมใส่นาฬิการุ่นนี้ประวัติศาสตร์เรือนนี้ ซึ่ง Omega Speedmaster ก็ถือเป็นนาฬิกาอีกเรือนที่สำคัญของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะได้อยู่กับเขาในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต โดย Omega Speedmaster Moonwatch Professional มาพร้อมตัวเรือนสแตนเลส ขนาด 42 มิลลิเมตร จับคู่กับสายหนังสีดำ หน้าปัดสีดำมาพร้อมหน้าปัดย่อยโครโนกราฟสามหน้าปัด หลักบอกเวลาเป็นสีขาว และฝาหลังปิดทึบ ราคาอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท

Omega Seamaster 300M Diver
ปิดท้ายด้วย Seamaster Diver 300M Ref. Ref. 2531.80.00 เป็นอีกหนึ่งเรือนที่โจ ไบเดน มักจะใส่อยู่บ่อยครั้ง ตัวเรือนมีขนาด 41 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานของนาฬิกาดำน้ำในปัจจุบันนี้ ใส่ได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะใส่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือจะสวมใส่ในชีวิตประจำวันก็ดูดีมีสไตล์ โดยนาฬิการุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 ด้วยการทำลายสถิติโลกด้านการดำน้ำ Free Dive ซึ่งนักดำน้ำชาวฝรั่งเศส Roland Specker ได้มีการดำดิ่งลงไปในทะเลสาบพร้อมกับ Seamaster Professional Diver 300M ที่ความลึก 80 เมตร นอกจากนี้ นักดำน้ำมืออาชีพก็ได้เลือกสวมใส่ Omega Seamaster และได้สร้างสถิติการดำน้ำลึกเพื่อตอกย้ำถึงประสิทธิภาพของนาฬิกาเรือนนี้ ซึ่งมีการออกแบบตัวเรือนที่สวยงาม มีความสปอร์ตมากขึ้นโดยมีแบบสามเข็มมาตรฐาน ผ่านการทดสอบมาตรฐานความเที่ยงตรง (Chronometer) สามารถกันน้ำลึกได้ถึง 300 เมตร
ต่อมาในปี 1994 Omega Seamaster ก็ได้รับตำแหน่ง Watch of the year ด้วยคะแนนเสียงจากนิตยสารนาฬิกาเยอรมันอีกด้วย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของแบรนด์ Omega หลังจากนั้นก็เกิดจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Omega Seamaster โด่งดันจนเป็นที่จับตามองคือการที่ Pierce Brosnan หรือ James Bond ในภาพยนต์เรื่อง Golden Eye (พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก) ได้สวมใส่แสดงในภาพยนต์ ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "นาฬิกา James Bond" ซึ่ง Seamaster Diver 300M Ref. 2531.80.00 ถูกหยุดผลิตไปแล้ว เพราะฉะนั้นรุ่นนี้จึงมีความเป็น Original มากกว่ารุ่นใหม่ที่ขายอยู่ในปัจจุบันเพราะเป็นดีไซน์แรกที่ Jame Bond ใส่ แต่ด้วยความที่ Omega ออก Seamaster มาหลากหลายรุ่นย่อย และมีผู้ที่หลงใหลใน Seamaster อยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้นาฬิกาในซีรีส์นี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มีราคาอยู่ที่ประมาณ 146,000 บาท