Auction House Logo

ประเภทของนาฬิกาที่ควรรู้จัก

เคยสงสัยไหมว่าหลัก ๆ แล้ว นาฬิกามีกี่ประเภท? แต่ละแบบต่างกันอย่างไร และมีจุดสังเกตอะไรบ้างที่ทำให้เราแยกนาฬิกาประเภทต่าง ๆ ได้ ซึ่งทาง Auction House จะมาช่วยอธิบายคุณสมบัติของนาฬิกาแต่ละแบบให้เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้คุณได้พบนาฬิกาที่ใช่กับสไตล์ของคุณ

Dress Watch

จุดเด่นของ Dress Watch อยู่ที่ความบางของตัวเรือนเพื่อให้สามารถสอดใต้ปลอกแขนเสื้อได้อย่างง่ายดาย มีการใช้วัสดุที่มีราคาในการผลิตและประดับตัวเคส หน้าปัดเน้นความเรียบง่ายและมักใช้มาร์คเกอร์เป็นทรงแท่งบางหรือเส้นมากกว่าตัวเลข สายนาฬิกาหลักคือสายหนัง ถ้าจะว่ากันแบบดั้งเดิม Dress Watch มีไว้เพื่อเสริมลุคทางการให้คอมพลีท เป็นนาฬิกาที่ไม่เน้นเรื่องความแม่นยำในการบอกเวลา (บางเรือนไม่มีเข็มวินาทีด้วยซ้ำ) แต่เน้นความเรียบง่ายให้กลมกลืนกับสูทที่ใส่มากกว่า แต่ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้วความทางการของสูทได้ถูกลดลงไปเป็น Smart Casual มากขึ้น เช่น การใส่สูทคู่กับเสื้อยืดหรือรองเท้าผ้าใบ ส่วนนาฬิกาประเภท Dress Watch ก็อย่างเช่น Patek Phillipe Calatrava, Jaeger-LeCoultre Master Calendar และ Cartier Tank

Sport Watch

นิยามของ Sports Watch ไม่มีใครกำหนดคุณสมบัติว่าต้องเป็นอย่างไรหรือมีหน้าตาเป็นแบบไหน มีแต่แบรนด์แต่ละแบรนด์ที่กำหนดกันไปเอง ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะมอง Sports Watch เป็นนาฬิกาที่อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันและเกิดมาเพื่อเป็น “เครื่องมือ” ในการใช้งาน ซึ่งนาฬิกาประเภทนี้ก็จะครอบคลุมไปถึง Chronograph Watch, Pilot watch, Dive Watch, Field Watch และ Skeleton Watch

Chronograph Watch

นาฬิกา Chronograph คือ นาฬิกาจับเวลาระบบกลไกนั่นเอง สังเกตได้จากเอกลักษณ์ของหน้าปัดย่อย 3 หน้าปัดที่อยู่ในหน้าปัดใหญ่ของนาฬิกา ซึ่งบริษัทผลิตนาฬิกาข้อมือได้เอาฟังก์ชันโครโนกราฟมาใส่ไว้ในนาฬิกาเพื่อใช้ในการจับเวลาการแข่งขันกีฬาด้านความเร็ว ส่วนมากจะใช้จับเวลาการแข่งรถ และขอบหน้าปัดก็มักจะเป็นมาตราวัดความเร็วแบบ Tachymeter เมื่อเข็มวินาทีหยุดอยู่ตรงตำแหน่งใดให้อ่านค่า Tachymeter ตรงตำแหน่งนั้น ซึ่งฟังก์ชันโครโนกราฟจะมีการพัฒนาแยกปุ่ม Start-Stop และปุ่ม Reset ให้อยู่คนละปุ่ม หน้าปัดของนาฬิกาประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่และมีขีดสเกลที่คมชัดละเอียดมาก เพื่ออ่านค่าเวลาได้อย่างแม่นยำ ส่วนนาฬิกาประเภทโครโนกราฟยอดนิยมอย่างเช่น Omega Speedmaster Professional

Pilot watch

Pilot Watch เป็นนาฬิกาสำหรับนักบิน และก็เป็นนาฬิกาข้อมือจริง ๆ เรือนแรกของโลก จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในปี 1904 เมื่อเพื่อนของ Louis Cartier ได้ขอให้เขาทำนาฬิกาข้อมือให้เพื่อความสะดวกในการมองเวลาขณะขับเครื่องบิน จริงอยู่ว่ามีการใช้นาฬิกาข้อมือในการรบมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่นั่นเป็นเพียงการนำ Pocket Watch มาดัดแปลงเป็นนาฬิกาข้อมือแทน จุดเด่นของ Pilot Watch อยู่ที่หน้าปัดสีดำ มาร์คเกอร์ตัวเลขเรืองแสงสะอาดตาเพื่อให้อ่านเวลาได้ง่ายที่สุด มีเม็ดมะยมขนาดใหญ่เพื่อให้สะดวกในการปรับตั้งค่าและมักใช้สายหนังเป็นหลัก ส่วนเรื่องหน้าตานั้นไม่ได้มีดีไซน์เจาะจงมากนัก ทำให้มีแบบให้เลือกตั้งแต่เรียบง่ายไปจนถึงดีไซน์หน้าตาที่ดูซับซ้อน ส่วนนาฬิกาที่อยู่ในประเภทนี้ก็อย่างเช่น Cartier Santos และ Breitling Navitimer

Dive Watch

Dive Watch คือนาฬิกาดำน้ำที่หลายคนอาจจะรู้จัก เพราะว่าเป็นนาฬิกาของ James Bond ในภาค “Dr. No” ซึ่งทำให้ Rolex Submariner ได้กลายเป็นแม่แบบในด้านการออกแบบ Dive Watch ไปโดยปริยาย ขึ้นชื่อว่านาฬิกาดำน้ำก็ต้องมีจุดเด่นที่สามารถดำน้ำได้อย่างน้อย 100 เมตรและต้องผ่านมาตรฐาน ISO 6425 อีกด้วย ตัวเรือนจะต้องมีความคงทนต่อแรงดันน้ำและการกัดกร่อนของน้ำทะเลได้อย่างดี วัสดุตัวเรือนจึงนิยมใช้ Stainless Steel หรือ Titanium เป็นหลัก ส่วนสายนาฬิกาก็จะยาวกว่าปกติเพื่อปรับสายให้สามารถทับกับชุดสูทได้หรือรองรับอุปกรณ์ดำน้ำได้ และสายนาฬิกาก็มักจะเป็นแบบยางหรือซิลิโคนเพื่อให้จับเกาะกับชุดนักดำน้ำได้ดีเมื่อสวมทับชุด ใช้กระจก Mineral เป็นกระจกครอบเพราะมีความยืดหยุ่นกว่ากระจก Sapphire ทำให้ทนต่อแรงดันน้ำได้มากกว่า มาพร้อมมาร์คเกอร์เรืองแสงใต้น้ำได้ และที่ขาดไม่ได้คือ Dive Bezel หรือที่เรียกว่าขอบหน้าปัดหมุนได้ ที่เอาไว้จับเวลาว่านักดำน้ำลงไปนานเท่าไหร่แล้ว วิธีใช้นั้นง่ายมากเพียงหมุนขอบ Bezel ให้ตำแหน่ง 12 นาฬิกา (แท่งรูปสามเหลี่ยม) ไปตรงกับเข็มนาทีก่อนลงดำน้ำเท่านั้นเอง

Field Watch

Field Watch หรือชื่อดั้งเดิมคือ “Trench Watch” เรียกสั้น ๆ ว่า “นาฬิกาทหาร” ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อสิ่งเดียวคือ “การบอกเวลาที่แม่นยำ” เพราะเมื่อถึงเวลาไปทำสงคราม ทหารจำเป็นต้องมีนาฬิกาที่แม่นยำในการนัดเวลาเพื่อจู่โจมฝั่งตรงข้ามพร้อมกัน อีกทั้งนาฬิกาก็จำเป็นต้องมีความถึกทนต่อแรงกระแทกต่าง ๆ ทำให้ Field Watch ส่วนใหญ่เลือกใช้ Stainless Steel เป็นวัสดุหลัก นอกจากนี้แล้วนาฬิกาก็ยังสามารถอ่านเวลาได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ดังนั้นกระจกนาฬิกาจึงต้องกันแสงสะท้อน และมีสีหน้าปัดที่ตัดกับสีมาร์คเกอร์พร้อมทั้งเคลือบสารเรืองแสงเอาไว้ เพื่อให้สามารถอ่านเวลาได้ในยามค่ำคืน สายนาฬิกาเป็นแบบ NATO หรือ ZULU เพื่อความแน่นกระชับในการสวมทับชุดทหาร ส่วนนาฬิกาที่จัดอยู่ในหมวดหมู่นี้ก็อย่างเช่น Hamilton Khaki Field และ Citizen Eco-Drive Field Watch

Skeleton Watch

นาฬิกา Skeleton หรือที่เรียกกันว่าหน้าปัดเปลือย มีลักษณะเป็นโครงกระดูกเหมือนกับความหมายตามภาษาอังกฤษ ซึ่งความเป็นมาของนาฬิกา Skeleton เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 มาจากฝีมือของช่างนาฬิกาชาวฝรั่งเศส ที่ต้องการสร้างนาฬิกาพกให้มีความบางด้วยการลดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออก ทำให้เกิดการพัฒนาจนออกมาเป็นนาฬิกาที่มีกลไกแบบโครงกระดูก ซึ่งลักษณะของนาฬิกาก็จะมีหน้าปัดแบบเปลือยเปล่า ทำให้มองเห็นความสวยงามและรายละเอียดของกลไกผ่านหน้าปัดได้เลย โดยความเปลือยของหน้าปัดนั้นก็มีทั้งแบบเปลือยหมด และเปลือยบางส่วนที่เรียกว่า Semi-Skeleton Watch ส่วนนาฬิกาที่อยู่ในหมวดหมู่สเกเลตันก็อย่างเช่น Royal Oak Snow Rainbow, Richard Mille RM71-02 และ Audemars Piguet Jules Audemars Grande Complication

Recommended Posts