Auction House Logo

นาฬิกาเรือนทองสุดไอคอนิกที่มีแนวโน้มราคาขึ้นสูง

นาฬิกาเรือนทองสุดไอคอนิกที่มีแนวโน้มราคาขึ้นสูง

นาฬิกาเรือนทองสุดไอคอนิกที่มีแนวโน้มราคาขึ้นสูง

ในปัจจุบันส่วนมากเรามักจะเห็นนาฬิกาที่เป็นตัวเรือนสแตนเลสสตีล และไทเทเนียม ซึ่งวัสดุเหล่านี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากแบรนด์นาฬิกานิยมใช้ผลิตนาฬิกาเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ก็จะมีนาฬิกาอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมรองลงมาหน่อย เพราะเป็นวัสดุที่ค่อนข้างแพงและมีวิธีในการผลิตที่ซับซ้อนกว่าปกติ นั่นก็คือ "นาฬิกาทอง" ส่วนมากจะฮิตในหมู่นักสะสมสไตล์ฮิปฮอป คนที่ชอบสไตล์ไม่ซ้ำใคร หรือคนที่ชอบความภูมิฐานดูโก้หรู ในครั้งนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่ามีนาฬิกาทองจากแบรนด์ไหนที่ราคาขึ้นมากที่สุด

Omega Speedmaster Apollo 11 50th Anniversary

เริ่มต้นด้วยนาฬิกาเรือนทอง Speedmaster Apollo11 50th Anniversary Limited Edition Ref.310.60.42.50.99.001 ที่ทาง Omega ผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปีของภารกิจ Apollo11 ที่ได้ไปสำรวจดวงจันทร์พร้อมกับนาฬิกา Speedmaster และกลับสู่โลกอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ โดยความพิเศษของนาฬิกาเรือนนี้อยู่ที่ตัวเรือนและสายทอง 18K ขนาด 42 มิลลิเมตร มาพร้อมขอบหน้าปัดสีแดงเบอร์กันดี มีฟังก์ชั่น Tachymeter สำหรับวัดความเร็วพร้อมมาตรฐานคุณภาพระดับสูง ‘Master Chronometer’ ที่มีความเที่ยงตรงและมีคุณสมบัติในการต้านทานสนามแม่เหล็ก ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานด้วยมือ OMEGA Master Chronometer Calibre 3861 ผลิตในจำนวนจัดกัดเพียง 1,014 ชิ้น

ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 1 ล้านบาทในปี 2019 ปัจจุบันราคามือสองขึ้นมาอยู่ที่ 1,106,000 บาท ถือว่าขึ้นมา 10.6% ในช่วง 3 ปี ก็ต้องมาลุ้นกันว่าราคาของนาฬิกา Limited edition รุ่นนี้จะไปต่อได้อีกเท่าไร

Rolex Submariner Ref.116618LB

มาต่อกันด้วยรุ่นยอดนิยมตลอดกาลอย่าง Rolex Submariner เรือนทอง Ref.116618LB เปิดตัวที่งาน Baselworld ในปี 2008 เพื่อมาแทนที่ Ref.16618 รุ่นแรกของ Rolex ที่มีขอบหน้าปัดเซรามิก ตัวเรือนผลิตจาก Yellow gold ขนาด 40 มิลลิเมตร มาพร้อมสายนาฬิกาที่ผลิตจากวัสดุเดียวกันพร้อม Glide lock เพื่อกันน้ำเข้าได้เป็นอย่างดี ขอบหน้าปัดเป็น Cerachrom ที่สามารถทนต่อรอยขีดข่วนได้ดียิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีน้ำเงิน หน้าปัดเป็นคริสตัลแซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วน ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 3135 สามารถกันน้ำได้ 300 เมตร

ราคามือสองในปี 2019 จะอยู่ในช่วง 861,000 บาท ส่วนราคามือสองในปัจจุบันราคาอยู่ที่ 1,071,000 บาท ขึ้นมา 24.3 % ในช่วง 3 ปี

Nautilus 5711/1R

มาต่อที่รุ่นยอดฮิต Nautilus 5711/1R เป็นนาฬิกาที่มีภาพลักษณ์เป็นนาฬิกาสปอร์ตหรู ตัวเรือนเป็น Rose gold หน้าปัดโทนสีน้ำตาลไล่ระดับ หลักชั่วโมงสีทองพร้อมเคลือบสารเรืองแสง ซึ่งในปี 2006 เป็นวาระฉลองครบ 30 ปีของนาฬิการุ่น Nautilus ทาง Patek Philippe ก็ได้นำดีไซน์ของ The Original Nautilus 3700 มาเป็นแรงบันดาลใจโดยปรับหน้าตาให้ดูโมเดิร์นกว่าเดิม มีการขยายตัวเรือนขึ้นเป็น 40 มิลลิเมตร จุดสังเกตมีเพียงฟังก์ชันวันที่ อยู่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาและมีเข็มวินาทีอย่างเรียบง่าย ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ Caliber 26‑330 S C. พร้อมทั้งทำฝาหลังเป็นแบบเปลือยเพื่อให้ผู้ใส่สามารถรับชมกลไกที่สวยงาม

ราคามือสองในปี 2019 จะอยู่ในช่วง 2,456,000 บาท ส่วนราคามือสองในปัจจุบันอยู่ที่ 3,605,000 บาท ขึ้นมามากถึง 46.7 % เลยทีเดียว นาฬิการุ่น 5711/1A เลิกผลิตไปแล้วต้องมาดูว่า 5711/1R จะยังอยู่ไหมและราคาจะไปไกลอีกเท่าไร

Rolex Cosmograph Daytona

Rolex Cosmograph Daytona เปิดตัวในปี 1963 ออกแบบมาให้เป็นเครื่องมือบอกเวลาสำหรับนักแข่งรถมืออาชีพ อีกทั้งยังเป็นสุดยอดนาฬิกาโครโนกราฟที่มีความน่าเชื่อถือสูง และในปี 2016 ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัว Rolex Datona Ref.116508 โดยตัวเรือนและสายนาฬิกาเป็น Yellow gold 18K ทั้งหมด มีขนาด 40 มิลลิเมตร และมีชื่อเล่นว่า "Loki" โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเขียวสว่าง มาร์คเกอร์ชั่วโมงและเข็มบอกเวลาทำจาก Yellow gold 18K มาพร้อมหน้าปัดย่อยอีก 3 อัน เพื่อบอกเวลาชั่วโมงและนาที เพื่อให้นักแข่งใช้คำนวณเวลาในการแข่งได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ขอบหน้าปัดมีสเกลเพื่อการคำนวณความเร็วเฉลี่ย ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ Calibre 4130

ราคามือสองในปี 2018 จะอยู่ในช่วง 1,085,000 บาท ส่วนราคามือสองปัจจุบันอยู่ที่ 1,644,000 บาท ขึ้นมามากถึง 51.5% ตามสไตล์ยอดนิยมอย่าง Daytona

Audemars Piguet Royal Oak

มาต่อกันที่แบรนด์ Audemars Piguet กันบ้าง ก็หนีไม่พ้นรุ่น Royal Oak ที่เป็นไอค่อนของแบรนด์ออกแบบโดย Gérald Genta นักออกแบบนาฬิกาตำนานระดับโลกทำจาก Steel อย่างไรก็ตามในภายหลังก็ได้มีการเพิ่มโมเดลวัสดุตัวใหม่เข้าไปในคอลเลกชันด้วย ซึ่งรุ่นนี้มีชื่อว่า Audemars Piguet Royal Oak Extra-Thin ref.15202 มีลักษณะคล้ายรุ่นดั้งเดิม ref.5402ST ที่ได้รับการออกแบบใหม่แต่ยังคงรักษาเส้นสายที่เพรียวบางของ Royal Oak Jumbo รุ่นอื่น ๆ เอาไว้

หน้าปัดของ Royal Oak Extra-Thin มีสีน้ำเงิน พื้นหน้าปัดจะเป็นแบบ Tapisserie ช่องสี่เหลี่ยมเล็กกระทัดรัดไม่แน่นเหมือนของ Jumbo รุ่นดั้งเดิม โดดเด่นด้วยโลโก้ 'AP' ที่อยู่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา ตัวเรือนทำจาก Pink gold 18K ขนาด 39 มิลลิเมตร มาพร้อมสายนาฬิกาที่ทำจาก Pink gold 18K เหมือนกัน

ราคาในปี 2018 จะอยู่ในช่วง 1,669,275 บาท ส่วนราคาปัจจุบันอยู่ที่ 2,411,000 บาท ขึ้นมามากที่สุดถึง 62.5 % ก็ถือว่าในช่วงปีที่ผ่านมาราคา AP ขึ้นมาร้อนแรงจริง ๆ สุดท้ายต้องมาดูว่ากระแสจะแรงไปได้อีกเท่าไร


ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Rolex มือสอง ได้ที่นี่

ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Patek Philippe มือสอง ได้ที่นี่

ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Audemars Piguet (AP) มือสอง ได้ที่นี่

Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier, Franck muller ได้ที่นี่

Recommended Posts