Omega Speedmaster 9 เรือนสุดฮิตที่นักสะสมห้ามพลาด
Omega Speedmaster เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1957 เพื่อใช้เป็นนาฬิกาจับเวลาสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกโลก แต่ความเจ๋งของ Speedmaster ไม่ได้มีเพียงความแม่นยำในเรื่องเวลาเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความแข็งแกร่ง ทนทาน ผ่านทุกด่านการทดสอบสุดโหดขององค์การ NASA จนกลายเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่ NASA ให้การยอมรับ และใช้ในการปฏิบัติภารกิจด้านอวกาศหลายต่อหลายครั้ง จนกลายเป็นอีกหนึ่ง Legend Watch ในโลก สำหรับนักสะสมทั้งมือใหม่และนักสะสมรุ่นเก๋าที่ชื่นชอบนาฬิกา Omega Speedmaster ลองมาเช็คกันดูว่า Omega Speedmaster ทั้ง 9 รุ่นต่อไปนี้ คุณมีไว้ในครอบครองแล้วกี่เรือน และเรือนไหนที่ต้องไปหามาเก็บไว้บ้าง

นาฬิกาเรือนแรกของคอลเลกชั่น Speedmaster
The First Speedy CK 2915 เรือนแรกของคอลเล็กชั่น Speedmaster
Omega Speedmaster CK2915 ขึ้นแท่นเป็น Vintage Watch ในตำนานที่นักสะสมนาฬิกาทั่วโลกต้องการมีไว้ครอบครอง เปิดตัวในปี ค.ศ. 1957 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นหนึ่งใน Professional watch สำหรับนักแข่งรถ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนจากดีไซน์ของตัวเรือนนาฬิกาที่กรอบหน้าเป็นเป็นมาตรวัดความเร็ว (Tachymetre) มีการออกแบบและวางตำแหน่งหน้าปัดฟังก์ชั่น Chronograph ที่สวยงามสมบูรณ์แบบบนหน้าปัด สีพื้นหน้าปัดเป็นสีดำด้าน หลักเวลาใช้เป็น Luminous material เข็มสั้นถูกออกแบบอย่างเฉพาะเจาะจงให้มีรูปลักษณ์เป็นหัวลูกศร จนกลายเป็นฉายา “Broad Arrow” Movement ภายในเป็น Calibre 321 ที่ถูกพัฒนามาเพื่อเป็นสุดยอดเทคโนโลยีของนาฬิกา Chronograph โดยเฉพาะ ทำสถิติราคาประมูลขายอยู่ที่ 8,265,240 บาท

นาฬิกาเรือนแรกที่ออกไปนอกโลก
Speedmaster CK2998 นาฬิกาเรือนแรกที่ออกไปนอกโลก
Omega Speedmaster CK2998 เป็นนาฬิกาเรือนที่ 2 ที่ถูกเปิดตัวในปี ค.ศ. 1959 และเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับอุตสาหกรรมนาฬิกาโลก ด้วยความทนทานของเรือนนาฬิกาที่ผ่านด่านทดสอบขององค์การ NASA จนเป็นที่ไว้วางใจถูกนำไปใช้ในภารกิจ The solo-flight Mercury space programme ปฏิบัติการบินสู่ดาวพุธในปี ค.ศ. 1962 โดยนักบินอวกาศ Wally Schirra ใส่นาฬิกา Speedmaster CK2998 ในขณะออกปฏิบัติภารกิจ ทำให้ CK2998 กลายเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ถูกใส่ออกไปนอกโลก ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การปรับดีไซน์ของเข็มสั้นและเข็มยาวที่เป็นแบบ Alpha Hands เพิ่มชิ้นส่วน O-Ring ที่ช่วยพัฒนาในเรื่องของการกันน้ำ โดยล่าสุดราคาประมูลสูงสุดอยู่ที่ 3,321,000 บาท และขึ้นแท่นเป็น Rare Vintage Watch ไปเรียบร้อย

นาฬิกาท่องอวกาศ
Speedmaster Ed White Ref. 105.003 นาฬิกาท่องอวกาศ
ในปี ค.ศ. 1965 นาฬิกาคอลเล็กชั่น Speedmaster ก็สร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการถูกเลือกให้เป็นนาฬิกาสำหรับนักบินอวกาศในภารกิจท่องอวกาศ โดย Ed White นักบินอวกาศสัญชาติสหรัฐสวมใส่นาฬิกา Speedmaster Ref. 105.003, Cal 321 และถือเป็นชาวสหรัฐอเมริกาคนแรกที่ออกไปเดินในอวกาศได้สำเร็จ ดีไซน์เด่นของ Speedmaster Ref. 105.003 คือการเปลี่ยนสไตล์เข็บสั้นเข็มยาวมาเป็นรูปทรงตรงๆ เหมือนแท่งดินสอ ตัวเรือนขนาด 38 มม. ตัวเรือนทำจาก Stainless Steel หลักชั่วโมงเคลือบด้วย Patina และยังเป็นนาฬิการุ่นสุดท้ายในคอลเล็กชั่น Speedmaster ที่ไม่มี Crown Guard และถึงแม้จะขึ้นแท่นเป็น Rare Item แต่ราคาก็ถือว่าเป็นมิตรอย่างมาก อยู่ที่ราวๆ 300,000 - 510,000 บาท

นาฬิกาที่เดินทางไปกับยาน Apollo 11
Speedmaster Professional Ref. 145.012 เดินทางไปกับยาน Apollo 11
Speedmaster Ref. 145.012 หรือชื่อเล่นก็คือ “Speedmaster Pre-moon” ผลิตออกมาในช่วงปี ค.ศ. 1967-1968 เป็นนาฬิกาอีกหนึ่งเรือนที่ได้เข้าร่วมภารกิจของ NASA เดินทางไปกับยาน Apollo 11 การดีไซน์ไม่ได้มีความแตกต่างจาก Speedmaster รุ่นก่อนๆ มากนัก แต่สิ่งสำคัญก็คือ Ref. 145.012 เป็นนาฬิการุ่นสุดท้ายในคอลเล็กชั่น Speedmaster ที่ใช้ Movement รุ่น Calibre 321 สีพื้นหน้าปัดสีดำ หลักบอกเวลาเป็นสีขาวซึ่งต่างจากรุ่นก่อนๆ ที่มีสีออกเหลืองมากกว่า ถูกผลิตและออกวางขายกว่า 27,000-28,000 เรือน ส่วนราคาอยู่ที่ประมาณ 240,000 - 300,000 บาท บาท

นาฬิกาเรือนแรกบนดวงจันทร์
Speedmaster Professional Ref. 105.012 และความสำเร็จครั้งแรกบนดวงจันทร์
Speedmaster Ref. 105.012 นาฬิกาเรือนสำคัญในประวัติศาสตร์โลกนาฬิกา เพราะในปี ค.ศ. 1969 นักบินอวกาศที่ตามลงไปบนดวงจันทร์เป็นคนที่ 2 อย่าง “Buzz Aldrin” เป็นผู้ใส่นาฬิกา Speedmaster Professional Ref. 105.012 ใช้ Calibre 321 (แต่ว่ากันว่า Neil ก็ใส่ Ref. 105.012 เช่นเดียวกันแต่เขาถอดทิ้งไว้บนยานก่อนลงไปดวงจันทร์) ดีไซน์โดดเด่นของ Ref. 105.012 คือการเพิ่มตัว Crown Guard เข้ามาเป็นรุ่นแรกในคอลเล็กชั่น หน้าปัดเป็นสไตล์ Step Dial และ Case back มี 2 แบบ คือ แบบ Double Step และ Single Step สำหรับราคาในตลาดก็อยู่ที่ประมาณ 300,000 - 450,000 บาท

นาฬิกาฉายา “Moonwatch”
Speedmaster Ref. 145.022 กับฉายา “Moonwatch”
Speedmaster Ref. 145.022 เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1968 พร้อมกับ Movement ที่ถูกพัฒนารุ่นใหม่เป็น Calibre 861 ถึงแม้ว่า Ref.145.022 จะไม่ใช่เรือนที่ถูกใส่ขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ แต่ชื่อ “Moonwatch” ก็ได้มาจากการที่แบรนด์ Omega ผลิตนาฬิกา Speedmaster Ref. 145.022 ขึ้นมาเพื่อฉลองให้กับความสำเร็จในการที่นาฬิกาไปบนดวงจันทร์ในยาน Apollo 11 ทำให้เกิดประโยคเด็ด 2 ประโยคที่ถูกสลักเป็นความภูมิใจของนาฬิกาคอลเล็กชั่น Speedmaster ได้แก่ “The first watch worn on the moon” และ “Flight qualified by NASA for all manned space mission” ที่ถูกสลักไว้บน Case Back ของนาฬิกา ดีไซน์สำคัญของ Ref. 145.022 คงต้องยกให้ความแตกต่างของพื้นหน้าปัดที่มีอยู่ 2 ลักษณะ เป็นแบบ Step Dial และหางตัว S จะยาวจนเกือบชนกับตัว P และแบบ Flat Dial หางตัว S ก็สั้นลงกว่ารุ่นก่อนๆ ส่วนเรื่องของราคาก็ขึ้นอยู่กับปีที่ผลิตนาฬิกาและสภาพความสมบูรณ์ของตัวนาฬิกา โดยประมาณอยู่ที่ 150,000 - 390,000 บาท

นาฬิกา Limited Edition ครบรอบ 125 ปี
Speedmaster 125 นาฬิกาฉลองครบรอบ 125 ปี
นาฬิกา Speedmaster 125 Ref. 178.002 ถูกผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1973 เพื่อฉลองวาระครอบรอบ 125 ปีของแบรนด์ Omega ขึ้นแท่นเป็นรุ่น Limited Edition เพราะผลิตเพียงแค่ 2,000 เรือนเท่านั้น แถมยังเป็น First Automatic Chronograph เรือนแรกของโลกที่ผ่านมาตรฐานการรับรอง Chronometer อีกด้วย ลักษณะเด่น คือ มีกรอบตัวเรือนที่ดูเกลี้ยงเกลาเป็นทรง Barrel ไม่มีการสลักตัวหนังสือใดๆ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวเรือนแบ่งเป็น 2 ชั้น โดยชั้นนอกเป็นทรงสี่เหลี่ยมและเป็นตัวยึดกับสายรัดข้อมือ ส่วนชั้นในเป็นทรงกลมสำหรับฟังก์ชั่นต่างๆ ของนาฬิกา ซึ่งทั้งสองส่วนนี้สามารถถอดแยกออกจากกันได้ สัญลักษณ์แบรนด์ Omega และตัวเลข 125 บนพื้นหน้าปัดทำมาจากเหล็ก Movement เป็นรุ่น Calibre 1041 สำหรับราคาอยู่ที่ประมาณ 84,000 - 135,000 บาท

นาฬิกาดิจิตอล
Speedmaster X-33 นาฬิกาดิจิตอลในตระกูล Speedmaster
นาฬิกา Speedmaster X-33 Ref. 3290.50 เปิดตัวในปี ค.ศ. 1998 ต่อมาในปี ค.ศ. 2001 แบรนด์ Omega ก็ปล่อย Speedmaster X-33 2nd Generation Ref. 3291.50 และก็กลายเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ NASA เลือกนำไปใช้ในภารกิจด้านอวกาศ จุดเด่นของ X-33 ก็คือการเป็นนาฬิกาดิจิตอลต่างจากพี่น้องในตระกูล Speedmaster เรือนอื่นๆ Movement ภายในใช้เป็นระบบ Quartz รุ่น Calibre 1666 มีสายรัดข้อมือให้เลือกสองแบบคือ Titanium Strap และ Kevla Strap คุณสมบัติเด่นอีกหนึ่งอย่างของ X-33 คือ หน้าปัดชนิด Backlight และหลักชั่วโมงที่เป็น Luminova Dot สามารถเรืองแสงช่วยในการมองเห็นในที่มืดได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญที่สุดสำหรับ Speedmaster X-33 2nd Generation ก็คือ Case back จะสลักประโยค “Flight quality by NASA for space mission” สำหรับราคาก็อยู่ที่ประมาณ 75,000 - 84,000 บาท
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Omega มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Rolex มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Patek Philippe มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Audemars Piguet (AP) มือสอง ได้ที่นี่
Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier, Franck muller ได้ที่นี่