Patek Philippe ประวัติแบรนด์นาฬิการะดับโลก | Auction House
ดูวิดีโอ ประวัติแบรนด์นาฬิกา Patek Philippe | Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

History of Patek Philippe
Patek Philippe เป็นสุดยอดแบรนด์นาฬิกาที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นแบรนด์ในดวงใจของใครหลาย ๆ คน เพราะมีความโดดเด่นในเรื่องรูปลักษณ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และยังเป็นเจ้าของสถิติการประมูลนาฬิกาข้อมือที่แพงที่สุดในโลกอีกด้วย มาดูกันว่าเส้นทางของ Patek Philippe มีความเป็นมาอย่างไร และเพราะอะไรถึงทำให้ Patek Philippe ครองใจนักสะสมได้ยาวนานขนาดนี้

จุดเริ่มต้นของ Patek Philippe
ก้าวแรกของ Patek Philippe (ปาเต็ก ฟิลิปป์) ได้เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1839 เมื่อ Antoine Norbert de Patek อดีตทหารม้าชาวโปแลนด์ ได้มาลงหลักปักฐานที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้ก่อตั้งโรงงานนาฬิการ่วมกับ François Czapek ซึ่งเป็นช่างทำนาฬิกาที่มากความสามารถ พวกเขาได้ถือหุ้นร่วมกันและจดทะเบียนบริษัทโดยใช้ชื่อว่า Patek, Czapek & Cie ต่อมาในปี ค.ศ. 1844 ขณะที่ Antoine Patek ไปเยือนปารีสก็ได้รู้จักช่างนาฬิกาคนหนึ่งชื่อว่า Jean Adrien Philippe ซึ่งเป็นนักประดิษฐ์ที่สามารถสร้างนาฬิกาพกที่ไม่ต้องใช้กุญแจไขลานได้สำเร็จ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในช่วงเวลานั้น Antoine Patek จึงเชิญชวน Jean Philippe มาร่วมงานกับเขาที่เจนีวา และเขาก็ได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นชื่อว่า Patek & Cie

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ทั้ง Antoine Patek และ Jean Philippe ต่างมุ่งมั่นและตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี โดยที่ Antoine Patek ต้องเดินทางไกลไปทำการตลาดในหลากหลายประเทศ ส่วน Jean Philippe ก็ได้ต่อยอด และพัฒนากลไกที่ใช้เม็ดมะยมในการไขลานให้กับนาฬิกาของแบรนด์ได้เป็นเรือนแรก จนทำให้ชื่อเสียงของ Patek Philippe กระจายอย่างรวดเร็ว และบริษัทก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีลูกค้าหลากหลายกลุ่ม แม้กระทั่งระดับราชวงศ์ชนชั้นสูงต่างก็ชื่นชอบและต้องการเป็นเจ้าของนาฬิกา Patek Philippe กันทั้งนั้น

ถัดมากว่า 20 ปี Antoine Patek ทั้งทำงานหนักและเดินทางบ่อย จนทำให้สุขภาพร่างกายของเขาเริ่มทรุดลง จนในปี 1877 Antoine Patek ก็เสียชีวิตลงในวัยเพียง 65 ปี เท่านั้น และต่อมาในปี 1891 Jean Philippe ก็เสียชีวิตลงเช่นกัน หลังจากที่ทั้งสองคนจากไป Joseph Emile Philippe ลูกชายของ Jean Philippe ก็เข้ามารับช่วงต่อดูแลกิจการ หลังจากที่ Patek Philippe ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน เส้นทางเดินของพวกเขาก็ต้องเจอกับอุปสรรค เนื่องจากในช่วงปี 1929 ภาวะเศรษฐกิจในยุโรปกำลังตกต่ำ ทำให้ทางแบรนด์ต้องหากลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ในแถบอเมริกาที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต แต่แล้วก็เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ และเหตุการณ์ อังคารทมิฬ หรือ Black Tuesday ใน Wall Street ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาที่ราคาหุ้นทิ้งดิ่งลงอย่างฉับพลันทำให้มีผลกระทบไปทั่วโลก และแน่นอนว่าทางแบรนด์เองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้บริษัทต้องประสบกับสภาวะทางการเงินที่ย่ำแย่ และเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทคู่แข่งเข้ามาครอบครองกิจการ ทางกลุ่มผู้บริหารจึงได้ติดต่อไปยัง Charles (ชาร์ล) และ Jean (ฌอง) สองพี่น้องตระกูล Stern (สะเติน) เจ้าของบริษัท “Cadrans Stern Frères” ผู้ผลิตหน้าปัดนาฬิกาคุณภาพชั้นนำ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่จัดหาวัสดุที่ดีที่สุดให้กับทางแบรนด์ ที่มีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันในการที่จะรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาสวิสไว้ โดยที่สองพี่น้องตระกูล Stern ได้เข้ามาช่วยงานในบริษัท เพื่อช่วยให้แบรนด์ยังคงอยู่ต่อไป

Calatrava เรือนแรก ภายใต้การบริหารของ Stern
การบริหารงานของสองพี่น้องตระกูล Stern ได้เริ่มต้นขึ้น โดยการผลิต Patek, Philippe & Co. Calatrava Reference 96 นาฬิกาเรือนแรกภายใต้การบริหารของพวกเขาในปี 1932 ที่ได้ David Penney มาออกแบบให้ในสไตล์เบาเฮาส์ (Bauhaus) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากโรงเรียนสอนออกแบบในประเทศเยอรมันนี ที่รวบรวมเอาศาสตร์และศิลป์ งานฝีมือ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ทำให้เกิดเป็นดีไซน์ที่มีความเรียบง่าย สวยงามเหนือกาลเวลา

โดย Calatrava Reference 96 เป็นแนว Dress Watch ที่มีความคลาสสิก และได้รับความนิยมในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ Calatrava Ref. 96 ก็ได้กลายเป็นต้นแบบในการออกแบบนาฬิกา Calatrava ของรุ่นต่อ ๆ ไป มาจนถึงปัจจุบัน

กำเนิดนาฬิกาพกที่ซับซ้อนที่สุดในโลก
หลังจากที่สองพี่น้องตระกูล Stern เข้ามาบริหาร Patek Philippe กิจการก็ดำเนินไปได้ด้วยดี พวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ยืนหยัดในปรัชญาที่ต้องการผลิตนาฬิกาให้มีคุณภาพและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเป็นมรดกอันมีค่าที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งชื่อเสียงของ Patek Philippe ก็ทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

โดยช่วงต้นศตวรรษที่ 20 Henry Graves และ James Ward Packard ชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งทั้งสองคนได้แข่งขันกันเพื่อจะได้ครอบครองนาฬิกาพกที่ซับซ้อนที่สุดในโลก โดยทั้งสองคนนี้ได้สั่งผลิตนาฬิกาที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้นาฬิกาของ Patek Philippe ยิ่งเป็นที่ต้องการของเหล่านักสะสมนาฬิกาและมูลค่าการประมูลก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนาฬิกาที่มีความซับซ้อนมากที่สุดในโลกมีชื่อว่า Patek Philippe Henry Graves Jr. Supercomplication เป็นนาฬิกาพกที่มีฟังก์ชันมากถึง 24 ฟังก์ชัน โดยใช้เวลาในการออกแบบนาฬิกา 3 ปี และใช้เวลาในการผลิตอีก 5 ปี รวมทั้งหมด 8 ปี จนในที่สุดก็ถูกส่งมอบให้กับ Henry Graves ผู้เป็นเจ้าของ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 1933

วิกฤติ Quartz กำเนิดตำนาน Nautilus
เป็นอีกครั้งที่ Patek Philippe ต้องเจอกับวิกฤติครั้งใหญ่จนวงการนาฬิกาในยุคนั้นสั่นสะเทือน ด้วยนวัตกรรมใหม่ “Quartz” หรือที่เรียกว่านาฬิกาใส่ถ่าน มีราคาถูกและแม่นยำกว่า ทำให้ Mechanical Watch หลายรุ่นในตอนนั้นไม่ได้รับความสนใจเลย

ทางแบรนด์ Patek Philippe เองก็คิดหาทางเพื่อจะผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ จึงได้มีการคิดนอกกรอบเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของนาฬิกา จากปกติที่เคยผลิตนาฬิกาที่มีความเรียบหรู หรือที่เรียกว่า Luxury Dress Watch จึงตัดสินใจลองเปลี่ยนมาทำ Sport Watch เรือนแรกของแบรนด์ พร้อมทั้งร่วมงานกับ “Gérald Genta” ดีไซเนอร์ชื่อดังในยุคนั้นมาเป็นผู้ดีไซน์ให้ โดยทาง Gerald Genta กล่าวว่าเขาใช้เวลาในการร่างแบบนาฬิกาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น จนได้ต้นแบบของคอลเลกชันนาฬิกาที่ชื่อว่า Nautilus โดยนาฬิกาเรือนแรกที่ออกมาในปี 1976 คือ Nautilus Ref.3700 ที่โดดเด่นด้วยกรอบหน้าปัดทรง 8 เหลี่ยม ลายหน้าปัดนูนพาดขวาง (Horizontal Groves) และมีขนาดที่ใหญ่จนได้ฉายา “Jumbo” มีการใช้วัสดุ Stainless steel มาทำตัวเรือนทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน มีการออกแบบที่ดูสวยงาม และสไตล์ที่เหนือกาลเวลา และนี่ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของนาฬิกาคอลเลกชัน Nautilus ที่กลายมาเป็น King of Sport Watch และเป็นคู่แข่งข้ามทศวรรษกับ Royal Oak มายาวนานกว่า 40 ปีจนถึงปัจจุบัน

อีกครั้งกับสถิตินาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดในโลก
Patek Philippe ก็ยังคงดำเนินต่อไปด้วยการบริหารงานจากตระกูล Stern และบริษัทก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากที่มีพนักงานอยู่ 300 คน ก็เพิ่มมาเป็น 600 คน อีกทั้งยังมีการจดสิทธิบัตรมาแล้วมากมาย โดยทางแบรนด์ก็ยังคงมุ่งมั่นและตั้งใจสร้างสรรค์นาฬิกาให้ออกมาดีที่สุด มีการพัฒนาระบบกลไกและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ และในปี 1989 ทางแบรนด์ได้เปิดตัว Patek Philippe Caliber 89 ซึ่งเป็นนาฬิกาที่มีกลไกซับซ้อนที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น ใช้เวลาในการพัฒนาถึง 5 ปี และใช้เวลาอีก 4 ปีในการผลิต ตัวเรือนทำมาจากทองคำ 18 กะรัต มีเข็มมากกว่า 24 เข็ม รวมถึงมีฟังก์ชันที่สลับซับซ้อนมากถึง 33 ฟังก์ชัน และประกอบขึ้นจาก 1,728 ฟันเฟือง! ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จทางด้านงานศาตร์และงานศิลป์ในการผลิตเรือนเวลา

กำเนิด Aquanaut เรือนแรก
อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ Patek Philippe เริ่มจากทางแบรนด์ต้องการให้นาฬิกาความทันสมัยมากขึ้น และต้องการความแปลกใหม่กว่าเดิม จึงได้ต่อยอดแนวคิดจาก Nautilus ปรับหน้าปัดรูปทรงแปดเหลี่ยม ให้เป็นแนว “Casual Luxury” สำเร็จเป็นคอลเลกชัน Aquanaut ที่ออกมาในปี 1997
โดยทั้งคู่มีหน้าปัดทรงเหลี่ยมเหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้ Aquanaut โดดเด่นจนผู้คนจำภาพลักษณ์ได้ นั่นก็คือ สายนาฬิกาแบบยาง ซึ่งทางแบรนด์ตั้งชื่อให้ว่า “Tropical” และการที่แบรนด์ใช้สายยางนั้นก็เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนอายุน้อยได้มากขึ้น นอกจากนี้ลายหน้าปัด Central Raised Guilloche Motif ของ Aquanaut แบบตาราง ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “Chocolate Bar” ก็เป็นเอกลักษณ์ที่มองแล้วรู้เลยว่านี่คือ Aquanaut โดย Aquanaut รุ่นแรกที่ออกมาจะมีอยู่ 2 รุ่น นั่นก็คือ 5060A ทำจาก Stainless steel และ 5060J ที่ทำจาก 18k Yellow gold ขนาดหน้าปัด 36 มิลลิเมตร โดย Aquanaut จะให้ภาพลักษณ์ที่ดูวัยรุ่นสปอร์ตหรู สวมใส่ได้หลากหลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นวันทำงานหรือวันพักผ่อนก็ดูดีและสวยงาม

Patek Philippe ในปัจจุบัน
เจิตวิญญาณต่าง ๆ ของแบรนด์ Patek Philippe ที่ถูกหล่อหลอมเข้ากับเทคนิคและความเชี่ยวชาญในการผลิต ได้ถูกถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2014 ที่เป็นโอกาสครบรอบ 175 ปีของการก่อตั้ง Patek Philippe นั้น ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวคอลเลกชัน Grandmaster Chime โดยนาฬิการุ่นแรกใช้รหัส Ref. 5175 ที่มาพร้อมกับ 20 ฟังก์ชัน โดยมี 2 ฟังก์ชันที่ได้รับการคิดค้นและจดสิทธิบัตรเป็นครั้งแรกของโลก และถือเป็นนาฬิกาข้อมือของแบรนด์ที่มีฟังก์ชั่นเยอะที่สุด ณ ขณะนั้นอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2019 ในงาน Only Watch 2019 ที่เป็นงานประมูลนาฬิกาเพื่อการกุศลครั้งยิ่งใหญ่ของโลกที่เมืองเจนีวา ซึ่งในงานมีนาฬิกาเข้าร่วมการประมูลทั้งหมด 50 เรือน และนาฬิกาเรือนที่ถูกประมูลไปในราคาที่สูงที่สุดของงานนี้ก็คือ Patek Philippe Grandmaster Chime Ref. 6300A ที่ปิดประมูลไปในราคาสูงถึง 31 ล้านฟรังก์สวิส หรือกว่า 1,100 ล้านบาท! ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติการณ์เท่าที่เคยมีการประมูลมา และยังกลายเป็นนาฬิกาข้อมือที่แพงที่สุดในโลกอีกด้วย

นอกจากนี้แล้วคอลเลกชันสุดฮิตอย่าง Nautilus และ Aquanaut ก็ยังคงเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลกเสมอมา จนในปัจจุบันมีราคาขายต่อสูงหลายเท่า และสินค้าก็ยังขาดตลาดตลอด ทำให้มี Waiting List เป็นจำนวนมากและต้องรอนานหลายปีกว่าจะได้มาครอบครอง
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร