Auction House Logo

ประวัติความเป็นมาของนาฬิกา Chronograph Seiko Speedtimer | Auction House

ประวัติความเป็นมาของนาฬิกา Chronograph Seiko Speedtimer | Auction House

ประวัติความเป็นมาของ SEIKO SPEEDTIMER นาฬิกา Chronograph สัญชาติญี่ปุ่น | Auction House

ประวัติความเป็นมาของนาฬิกา SEIKO SPEEDTIMER | Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

Seiko เป็นแบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่น ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 140 ปี ดำเนินตามเส้นทางด้วยปรัชญาที่ว่า "นำหน้าผู้อื่นหนึ่งก้าวเสมอ" ด้วยมาตรฐานที่โดดเด่นและความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละในการผลิตนาฬิกาที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งยังพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งหนึ่งในความสำเร็จที่ถูกบันทึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของ Seiko นั่นคือการคิดค้นและผลิตนาฬิกาโครโนกราฟ ครั้งนี้เราจะพาทุกคนมาเจาะลึกในแง่ประวัตินาฬิกาโครโนกราฟของ Seiko กันบ้าง ว่ามีความเป็นมาอย่างไร จนได้กลับมาผลิตโครโนกราฟอีกครั้งในชื่อ Seiko Prospex Speedtimer

Chapter 1 - Tokyo Olympic ปี 1964

ในปี 1964 เป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับประเทศญี่ปุ่น เนื่องจาก Tokyo Olympic 1964 เป็นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกที่จัดขึ้นในเอเชีย และเป็นโอกาสสำคัญ ที่ญี่ปุ่นจะได้แสดงศักยภาพครั้งใหม่ของประเทศ เรียกได้ว่า เป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของแบรนด์ Seiko และของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนี้ ถือว่าเป็นเวทีใหญ่สำหรับ Seiko ด้วยเช่นกัน เนื่องจาก Seiko ได้ถูกเลือกให้เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 18 โดยทางแบรนด์ได้ผลิตอุปกรณ์จับเวลาเป็นจำนวนถึง 1,278 เรือน ในหลากหลายรุ่นและหลายขนาด มีตั้งแต่ที่จับเวลาได้ละเอียดถึง 1/5 วินาที จนถึง รุ่นที่จับเวลาได้ 1/100 วินาที เพื่อให้เหมาะกับการจับเวลาในการแข่งขันแต่ละประเภท

Crown Chronograph - นาฬิกาข้อมือโครโนกราฟเรือนแรกของญี่ปุ่น

ในปี 1964 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แบรนด์ Seiko ก็ได้เปิดตัว Reference 5719A-45899 นาฬิกาข้อมือโครโนกราฟเรือนแรกของญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในชื่อ Crown Chronograph นาฬิกามีขนาด 38 มิลลิเมตร มีการแกะสลักคบเพลิงโอลิมปิกไว้บนฝาหลัง โดยเป็นนาฬิกาโครโนกราฟแบบ Monopusher (โมโนพุชเชอร์) ที่ปรับตั้งค่าได้ด้วยเม็ดมะยมเพียงปุ่มเดียว ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 5719 ที่มีความหนา 6.1 มิลลิเมตร และถึงแม้โครโนกราฟเรือนนี้จะทำงานอย่างมีข้อจำกัด คือ สามารถจับเวลาได้ไม่เกิน 60 วินาที เนื่องจากนาฬิกาไม่มีหน้าปัดย่อยในการจับเวลาเหมือนโครโนกราฟในรุ่นปัจจุบันที่เราเห็นกัน แต่ทางแบรนด์ Seiko ก็ได้มีการเพิ่มขอบหน้าปัดแบบหมุนได้เข้ามาเพื่อใช้ในการนับนาทีของเวลาที่ผ่านไป ซึ่งถือเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่งที่ Seiko สามารถพิชิตและทำออกมาได้เป็นอย่างดี

Chapter 2 - The Speedtimer

ช่วงทศวรรษที่ 60s ถือเป็นยุคทองของนาฬิกาโครโนกราฟ โดยเฉพาะในปี 1969 ที่บริษัทนาฬิกาสวิสต่าง ๆ อย่าง Heuer, Zenith และ Breitling กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนานาฬิกาโครโนกราฟที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานแบบอัตโนมัติ โดยแข่งกันว่าใครจะทำสำเร็จเป็นแบรนด์แรก แต่แบรนด์ Seiko จากฝั่งญี่ปุ่นกลับสามารถเปิดตัวและวางขายนาฬิกาโครโนกราฟสู่ท้องตลาดได้เป็นแบรนด์แรก โดย Seiko ได้ใช้เวลาเพียง 2 ปีในการสร้างสรรค์ Speedtimer Caliber 6139 ได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Seiko เพราะเป็นนาฬิกาโครโนกราฟอัตโนมัติรุ่นแรกของโลกที่รวมเอากลไก Column wheel และ Vertical clutch ให้มาทำงานร่วมกันได้

Chapter 3 - Seiko Speedtimer ในยุคปัจจุบัน

หลังจากผ่านวิกฤติ quartz มาเกือบ 20 ปี Seiko ก็เริ่มกลับมาผลิตนาฬิกา Mechanical chronographs อีกครั้ง แต่นาฬิกา Speedtimer ก็ยังไม่ได้ถูกนำกลับมาผลิต จนกระทั่งในปี 2021 นี้เองที่ Seiko ได้เปิดตัวนาฬิกา Speedtimer ซีรีส์ใหม่ภายใต้คอลเลกชัน Prospex โดยจะมีนาฬิกาทั้งหมด 6 เรือน และถูกแบ่งออกเป็น 2 กลไก คือ Mechanical นาฬิกาจักรกล กับ Quartz หรือ นาฬิกาใส่ถ่าน

มาเริ่มกันที่นาฬิกา Mechanical Movement ชุดใหม่ ที่มาในชื่อว่า Seiko Prospex Speedtimer Mechanical Chronograph โดยหน้าปัดสีขาวจะเป็นรหัส SRQ035 ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาพกจับเวลาที่มีความละเอียด 1/5 วินาที ที่ทาง Seiko ผลิตขึ้นเมื่อปี 1964 ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตัวเลขและมาร์กเกอร์บนสเกลในทุก 10 วินาที หรือแม้แต่มาร์กเกอร์หลักวินาที 10 - 60 ก็มีดีไซน์เหมือนกัน รวมไปถึงปุ่มกด Start/Stop รูปทรงเว้าขนาดใหญ่ที่ช่วยให้กดใช้งานได้อย่างเต็มที่เหมือนกับนาฬิกาพกจับเวลารุ่นดั้งเดิม เข็มชั่วโมงและนาทีมีลักษณะเรียวบาง ส่วนด้านหลังตัวเรือนจะเป็นแบบเปลือยโชว์ให้เห็นการทำงานของกลไก มีการสลักคำว่า "Limited Edition" พร้อมหมายเลขประจำเครื่องไว้บนตัวเรือนด้านหลัง ซึ่งนาฬิกาหน้าปัดขาวรุ่นนี้ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 เรือนเท่านั้น

ส่วนรุ่นหน้าปัดสีเทาชาร์โคล จะมาในรหัส SRQ037 ที่ไม่ได้เป็น Limited Edition โดยการออกแบบหน้าปัดได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกา Crown Chronograph (คราวน์ โครโนกราฟ) ในปี 1964 คือ หลักชั่วโมง จะมีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมติดกัน 2 อัน เข็มชั่วโมงและเข็มนาทีมีลักษณะกว้างตอนต้นและแหลมตอนปลาย มีความคมชัดพร้อมเคลือบสารเรืองแสง Lumibrite สีขาวหม่นเพื่อให้ดูมีความวินเทจ ส่วนปุ่มกด Start/Stop จะเป็นรูปทรงลูกสูบตามดีไซน์ของนาฬิกา Crown Chronograph ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นหน้าปัดขาว

โดยทั้ง 2 รุ่นหน้าปัดขาวและหน้าปัดเทา มาพร้อมหน้าปัดย่อย 2 หน้าปัดที่ตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา มีหน้าต่างวันที่อยู่ที่บริเวณ 6 นาฬิกา เข็มวินาทีจับเวลาโครโนกราฟมีลักษณะโค้งตามพื้นหน้าปัด เพื่อให้ปลายเข็มอยู่ใกล้กับมาร์กเกอร์บนพื้นหน้าปัดให้มากที่สุด และยังมีความยาวไปถึงสเกล Tachymeter หรือมาตรวัดคำนวณความเร็วรอบที่ขอบหน้าปัดด้วย โดย Tachymeter นี้จะอยู่ที่ขอบของหน้าปัดตาม Speedtimer รุ่นดั้งเดิม ซึ่งทั้งสองจะมาพร้อมตัวเรือนและสายที่ผลิตจากสเตนเลสสตีล ขนาดตัวเรือนอยู่ที่ 42.5 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกใหม่ คาลิเบอร์ 8R46 ที่พัฒนามาจากกลไกโครโนกราฟในตระกูล 8R ที่ล้ำสมัยที่สุดของ Seiko มาพร้อมระบบกลไก Column wheel และ vertical clutch ที่เพิ่มความแม่นยำให้กับกลไกมากยิ่งขึ้น

ต่อมาเป็นนาฬิกา Quartz Movement กับ 4 รุุ่นในซีรีส์ที่มาพร้อมกลไกจับเวลาโครโนกราฟพลังงานแสงอาทิตย์ ในชื่อรุ่น Prospex Speedtimer Solar Chronograph ที่มีให้เลือกถึง 4 รูปแบบ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกา Speedtimer ในปี 1969 ซึ่งภาพรวมของนาฬิกาทั้ง 4 รุ่นนี้ เป็นการสร้าง Speedtimer ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น

โดยรูปทรงตัวเรือนได้รับการดีไซน์เหมือนกับรุ่นดั้งเดิม แต่มีขนาดหน้าปัดลดลงเหลือ 39 มิลลิเมตร หลักชั่วโมงจะมีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมชิ้นหนา มาพร้อม Tachymeter ที่ Bezel ตามแบบฉบับรุ่นดั้งเดิม ตัวเรือนจะเป็นสเตนเลสสตีลที่มีความคลาสสิก กระจกหน้าปัดแบบแซพไฟร์ทรงโค้งพร้อมเคลือบสารกันสะท้อนทำให้นาฬิกาดูทันสมัยมากขึ้น ส่วนปุ่มกดดีไซน์ใหม่เป็นทรงกลมขนาดใหญ่พร้อมกับเม็ดมะยมขนาดใหญ่ทำให้สามารถกดตั้งค่าได้อย่างสะดวก มาพร้อมฟังก์ชันโครโนกราฟจับเวลาได้สูงสุด 60 นาที, เข็มบอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง และฟังก์ชันบอกพลังงานสำรอง เสริมด้วยหน้าต่างวันที่บริเวณ 4-5 นาฬิกา ขับเคลื่อนด้วยกลไก Cal.V192 Solar Chronograph ที่ทันสมัยมากขึ้น ทำงานด้วยไฟฟ้าจากตัวเก็บประจุที่แปรพลังงานมาจากแสง ซึ่งจะรับแสงผ่านกรอบหน้าปัดย่อย 3 วง โดย Prospex Speedtimer Solar Chronograph จะมาพร้อมหน้าปัดที่ได้รับการตกแต่งด้วยเทคนิคพ่นทราย ที่มีให้เลือก 4 สี คือ สีขาว สีน้ำเงิน สีทอง และสีดำ

ถือว่า Prospex Speedtimer ซีรีส์ใหม่ ได้นำแรงบันดาลใจจาก Speedtimer ในอดีต มาสร้างนาฬิกาโครโนกราฟสำหรับอนาคตได้อย่างแท้จริง

อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร


ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Grand Seiko มือสอง ได้ที่นี่

ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Rolex มือสอง ได้ที่นี่

ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Patek Philippe มือสอง ได้ที่นี่

ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Audemars Piguet (AP) มือสอง ได้ที่นี่

Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek Philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier, Franck muller ได้ที่นี่

Recommended Posts