Auction House Logo

ประวัติ Blancpain แบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก | Auction House

ประวัติ Blancpain แบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก | Auction House

ประวัติ Blancpain แบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก | Auction House

ดูวิดีโอ ประวัติแบรนด์นาฬิกา Blancpain | Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

History of Blancpain

Blancpain แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิสฯ ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นแบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ให้กำเนิดนาฬิกา Diver Watch เรือนแรกของโลก และยังเป็นแบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตกลไกที่ซับซ้อนที่สุดในโลก พร้อมทั้งงานฝีมือระดับสูงที่ทางแบรนด์ใส่ใจในรายละเอียดเพื่อผลิตนาฬิกาให้ออกมาสมบูรณ์แบบและสวยงามที่สุด

จุดเริ่มต้นของ Blancpain

ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1700 หากเป็นประเทศไทยจะอยู่ในช่วงสมัยสุโขทัยถึงสมัยอยุธยา คนทั่วไปเดินทางโดยใช้เกวียน ใช้เรือ ขี่ม้า หากจะเดินทางไปต่างประเทศต้องใช้เรือสำเภา ในขณะเดียวกันที่ต่างประเทศได้เข้าสู่ยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมตอนต้น (Industrial Revolution) ซึ่งเป็นยุคแห่งการเดินทางไม่ว่าจะเป็นการค้าขายหรือล่าอาณานิคม จึงได้เริ่มมีการสร้าง Marine Chronometer หรือเครื่องวัดความเที่ยงตรง เพื่อใช้ในการเดินเรือเพื่อค้าขายนอกประเทศ

จุดเริ่มต้นของ Blancpain แบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกจึงถือกำเนิดขึ้นในยุคนี้ ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1735 โดย Jehan-Jacques Blancpain ที่ Villeret หมู่บ้านเล็ก ๆ ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากนั้น แบรนด์ Blancpain จึงได้กลายเป็นผู้ผลิตนาฬิการายใหญ่ที่สุดในเมือง Villeret ต่อมาในปี ค.ศ. 1932 นาย Frédéric-Emile Blancpain ทายาทรุ่นที่ 7 ได้เสียชีวิตลง ธุรกิจนี้จึงถูกส่งต่อให้กับ Betty Fiechter ผู้ช่วยคนสนิทของเขาให้มาบริหารแทน ซึ่งเธอได้พาบริษัทผ่านวิกฤติภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และสงครามโลกครั้งที่สองไปได้ด้วยดี ถือเป็นความสามารถในการบริหารที่น่าทึ่งสำหรับวงการนาฬิกาเป็นอย่างมาก

กำเนิด Ladybird นาฬิกาข้อมือผู้หญิงที่เล็กที่สุดในโลก

ในยุคการบริหารของ Betty Fiechter ทางแบรนด์ Blancpain ยังคงความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นาฬิกาผู้หญิงเช่นเดียวกับยุคก่อนที่ได้มีการเปิดตัว The Rolls นาฬิกาข้อมือผู้หญิงแบบกลไกอัตโนมัติขึ้นเป็นเรือนแรกของโลกโดย Blancpain เป็นผู้ผลิตกลไกให้ และ Ladybird นาฬิกาทรงกลมที่เล็กที่สุดสำหรับสุภาพสตรีได้ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1956 โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 11.85 มิลลิเมตร จึงกลายเป็นนาฬิกาที่เล็กที่สุดในยุคสมัยนั้น ทำให้ได้รับความนิยมไปทั่วโลกในหมู่สุภาพสตรีที่รักในความหรูหรา

อย่างเช่น นาฬิกา Ladybird ที่ถูกสวมโดย Marilyn Monroe สาวงามในยุค 50s และหลังจากที่ Marilyn Monroe เสียชีวิตลง Blancpain SA จึงได้ตัดสินใจซื้อนาฬิกาคืน เพื่อนำนาฬิกาเรือนนี้กลับมาเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ของ Blancpain ต่อไป

Fifty Fathoms นาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของโลก

ในช่วงปี ค.ศ. 1950 Jean-Jacques Fiechter หลานชายของ Betty ได้เข้าร่วมบริหารกิจการแบรนด์ Blancpain และได้สร้างตำนานระดับโลกด้วยการเปิดตัว Fifty Fathoms นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพเรือนแรกของโลกในปี ค.ศ. 1953 โดยมีแนวคิดในการสร้างสรรค์นาฬิกามาจากประสบการณ์จริงของ Jean-Jacques Fiechter ผู้ซึ่งหลงใหลในการดำน้ำเป็นอย่างมาก เมื่อ Jean-Jacques Fiechter ไปดำน้ำทางตอนใต้ของฝรั่งเศส และในขณะที่ดำน้ำอยู่นั้น เขาจำไม่ได้ว่าอยู่ใต้น้ำมานานเท่าไรแล้ว ออกซิเจนก็ค่อย ๆ หมดลง เขาจึงรีบขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างกระทันหันซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัย

จากสถานการณ์นี้ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นได้ว่า สิ่งที่นักดำน้ำต้องการมากที่สุด คือ อุปกรณ์ที่สามารถบอกระยะเวลาในการการดำน้ำได้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ดังนั้น Jean-Jacques Fiechter จึงได้สร้างสรรค์นาฬิกาดำน้ำพร้อมกับคิดค้นนวัตกรรมใหม่ขึ้นมาและได้จดสิทธิบัตรถึง 3 อย่างด้วยกัน

ส่วนที่มาของชื่อ Fifty Fathoms ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีของวิลเลียม เชกสเปียร์ ที่ตัวละครเอกขับร้องว่า “Full fathom five thy father lies; Of his bones are coral made.” ทำให้ Jean-Jacques Fiechter ประทับใจเป็นอย่างมากกับคำว่า “Fathoms” ซึ่งเป็นหน่วยวัดความลึกน้ำทะเล เขาจึงได้นำคำนี้มาตั้งชื่อให้กับนาฬิกาดำน้ำ และเสริมคำว่า “Fifty” ลงไป ซึ่งแทนระดับความลึกที่ 50 Fathoms หรือ 91.44 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นระดับความลึกที่สุดที่มนุษย์จะดำน้ำลงไปได้ในสมัยนั้น และในที่สุดตำนาน Fifty Fathoms จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1953 โดยมาพร้อมหน้าปัดสีดำ ตัวเลขขนาดใหญ่ และหลักชั่วโมงทรงเรขาคณิตที่มองเห็นได้ชัดเจน ตลอดจนกรอบหน้าปัดหมุนได้ที่ใช้ในการจับเวลา มาพร้อมชุดเข็มขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้เคลือบด้วยสารเรืองแสงที่ส่องสว่างได้ดีในใต้น้ำ Fifty Fathoms จึงกลายเป็นผู้บุกเบิกนาฬิกาดำน้ำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

Fifty Fathoms กับหน่วยรบใต้น้ำ French Combat Diving Corps

นาฬิกา Fifty Fathoms เปิดตัวในช่วงที่กองทัพเรือฝรั่งเศสกำลังหานาฬิกาให้กับหน่วยรบใต้น้ำ โดยเรือเอก Robert Bob Maloubier กับเรือโท Claude Riffuad ผู้ก่อตั้งหน่วยเฉพาะกิจสงครามพิเศษทางเรือของฝรั่งเศส ต้องการหานาฬิกาดำน้ำที่สามารถใช้งานได้จริงและมีคุณสมบัติในการต้านทานสนามแม่เหล็กได้ด้วย จึงได้ติดต่อแบรนด์นาฬิกาไปหลายแบรนด์แต่ไม่พบนาฬิกาที่มีคุณสมบัติตามต้องการ จนกระทั่งได้มาเจอกับ Jean-Jacques Fiechter ผู้บริหารของ Blancpain ที่ตกลงจะพัฒนานาฬิกาให้ตรงตามคุณสมบัติที่กองทัพอยากได้ โดยทาง Blancpain ได้เสนอ Fitty Fathoms พร้อมอัปเกรดเพิ่มคุณสมบัติต้านทานสนามแม่เหล็กไปด้วย จนในที่สุดนาฬิการุ่นนี้ได้ถูกนำไปทดสอบอย่างเข้มงวด และในไม่ช้าก็ถูกนำมาใช้เป็นนาฬิกาอย่างเป็นทางการของหน่วยรบใต้น้ำกองทัพเรือฝรั่งเศส (French Combat Diving Corps) จากนั้นชื่อเสียงของ Fitty Fathoms ก็โด่งดังเป็นพลุแตกและถูกนำไปใช้กับกองทัพทั่วโลก

Fifty Fathoms Mil-Spec

ถัดมาในปี ค.ศ. 1954 ทางแบรนด์ Blancpain ได้ส่งนาฬิกา Fifty Fathoms Mil-Spec ให้กับทางกองทัพอเมริกา โดยมีการพัฒนาฟังก์ชันพิเศษขึ้นมาตามที่กองทัพสหรัฐต้องการ คือ เพิ่มฟังก์ชันที่มีตัวบ่งชี้ความชื้นลงบนหน้าปัดอยู่บริเวณตำแหน่ง 6 นาฬิกา ทำหน้าที่คอยเตือนหากมีความชื้นแทรกซึมเข้าไปในตัวเรือน โดยตัวบ่งชี้จะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดงหากมีความชื้นซึมเข้า

Fifty Fathoms Bathyscaphe

ด้วยคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของ Blancpain Fifty Fathoms ทำให้นาฬิการุ่นนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จึงได้มีการผลิตนาฬิการุ่นย่อยออกมาเพื่อรองรับการใช้งานที่มากขึ้น โดยในช่วงปลายทศวรรษที่ 1950 ได้มีการเปิดตัวนาฬิการุ่น Fifty Fathoms Bathyscaphe ที่มีขนาดเล็กกว่า Fifty Fathoms เพื่อให้สวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น และนาฬิการุ่นนี้เองที่ได้กลายเป็นหนึ่งในรุ่นที่สะท้อนเอกลักษณ์นาฬิกาดำน้ำของ Blancpain ได้เป็นอย่างดี

ต่อมาในช่วงยุค 60s แบรนด์ Blancpain ได้เข้าไปอยู่ในส่วนหนึ่งของกลุ่ม SSIH และเมื่อเข้าช่วงปลายยุค 70s นาฬิการุ่น Fifty Fathoms ทั้งหมดก็ได้ถูกยุติการผลิตลง และได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 1982 เมื่อ Frederic Piguet บริษัทผู้ผลิตกลไกนาฬิการายใหญ่ของสวิสฯ ได้เข้าซื้อกิจการ Blancpain และเปลี่ยนการบริหารให้อยู่ภายใต้ Jacques Piguet และ Jean-Claude Biver

Quartz Crisis - กำเนิด Moon Phase สุดไอคอนิกของแบรนด์

Blancpain อยู่ภายใต้การบริหารของ Jacques Piguet และ Jean-Claude Biver จึงได้มีการใช้โรงงานของ Frédéric Piquet เป็นฐานในการผลิตกลไกอยู่ที่เมือง Le Brassus ณ หุบเขา Vallée de Joux โดยในช่วงนั้นถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของวงการนาฬิกา เพราะต้องเผชิญกับวิกฤตินาฬิกาใส่ถ่านที่ทำให้อุตสาหกรรมนาฬิกาสั่นสะเทือน จนผู้ผลิตนาฬิกาหลายแบรนด์ต้องทยอยปิดตัวลงไป

แต่แบรนด์ Blancpain ยังคงมุ่งมั่นเผชิญหน้ากับวิกฤตินี้ด้วยการผลิตนาฬิกากลไกที่มีความสลับซับซ้อน โดยนาฬิการุ่นแรกที่ออกสู่ตลาด คือ นาฬิกา Blancpain Complete Calendar Moon Phase ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1983 โดดเด่นด้วยรูปพระจันทร์รูปหน้าคนปรากฏเพื่อแสดงข้างขึ้นข้างแรม ขับเคลื่อนด้วยกลไก Caliber 6395 ที่ได้สร้างสถิติเป็นกลไกที่เล็กที่สุด ณ ขณะนั้น ที่สามารถบอกข้างขึ้นข้างแรม วัน วันที่ และเดือนได้

หลังจากนั้นทางแบรนด์จึงได้ประกาศสโลแกนที่ว่า “Since 1735 There Has Never Been A Quartz Blancpain Watch. And There Never Will Be.” โดยมีความหมายว่า นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1735 Blancpain ไม่เคยผลิตนาฬิกาควอตซ์ และจะไม่มีวันผลิตมันอย่างแน่นอน

กำเนิด Six Masterpieces

หลังจากที่ทางแบรนด์ได้เปิดตัว Masterpieces รุ่นแรกอย่าง Blancpain Complete Calendar Moon Phase ไปแล้ว ยังได้ผลิตนาฬิกาที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นในอีก 5 รุ่น คือ Ultrathin, Split-Seconds Chronograph, Perpetual Calendar, Tourbillon และ Minute Repeater ซึ่งนาฬิกาทั้งหมดที่กล่าวมานี้เรียกว่า Six Masterpieces

Blancpain 1735 Grande Complication นาฬิกาที่สลับซับซ้อนที่สุดในโลก

และในปี ค.ศ. 1991 ทาง Blancpain ได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ด้วยการเปิดตัว Blancpain 1735 Grande Complication นาฬิกาที่สลับซับซ้อนที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น โดดเด่นด้วยฟังก์ชัน One-minute Tourbillon Regulator, Perpetual Calendar, Moon Phase, Moon Age, Co-axial Split Seconds Chronograph และ Minute Repeater กลไกถูกแกะสลักด้วยมืออย่างพิถีพิถัน และใช้เวลาในการสร้างสรรค์นานกว่า 10 เดือน

หลังจากนั้นไม่นาน Blancpain ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในปี ค.ศ. 1992 เมื่อ Jacques Piguet ตัดสินใจขาย Blancpain ให้กับ SMH (Swiss Corporation for Microelectronics and Watchmaking Industries) หรือ Swatch Group ในปัจุบัน จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่ช่วงยุคใหม่ของ Blancpain

Blancpain ในยุคปัจจุบัน - การกลับมาของ Fifty Fathoms

Marc A. Hayek ผู้ดำรงตำแหน่งประธาน และซีอีโอของ Blancpain มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 ต้องการนำ Fifty Fathoms กลับมาอีกครั้ง เพราะชื่นชอบความงดงามที่เหนือกาลเวลาของรุ่นนี้อย่างเต็มเปี่ยม ประกอบกับความตั้งใจอันแน่วแน่ที่ต้องการจะพัฒนาสานต่อนาฬิกานี้ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่และใช้วัสดุที่ทันสมัย เพื่อให้นาฬิกาเป็นตัวแทนสื่อถึงจิตวิญญาณแห่งการสำรวจคิดค้น และก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดต่าง ๆ เช่นเดียวกับนาฬิการุ่นดั้งเดิม

โดยในปี ค.ศ. 2003 ทางแบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิกา Fifty Fathoms 50th Anniversary Limited Edition เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของนาฬิกาดำน้ำ Fifty Fathoms เป็นรุ่นพิเศษที่ถูกผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 150 เรือนเท่านั้น ถัดมาในปี ค.ศ. 2007 นาฬิการุ่น Fifty Fathoms ก็ได้กลับเข้ามาอยู่ในคอลเลกชันของ Blancpain อีกครั้งอย่างถาวร มาพร้อมกลไกใหม่ที่สวยงามและประสิทธิภาพในการใช้งานที่สูงขึ้นให้เหมาะกับศตวรรษที่ 20 ซึ่ง Marc A. Hayek ได้นำเอาความเชี่ยวชาญด้านการผลิตกลไกเข้ามาใช้ในคอลเลกชัน Fifty Fathoms และยังคงยึดมั่นในปรัชญาเดิมที่ต้องการให้นาฬิกาสามารถทำงานใต้น้ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงได้นำเอาสุดยอดกลไก Tourbillon และ Chronograph ที่สามารถจับเวลาใต้น้ำได้มาบรรจุไว้ในนาฬิกา Fifty Fathoms ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Fifty Fathoms BathyScaphe

ในปี ค.ศ. 2013 Bathyscaphe ได้กลับมาอีกครั้งในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของนาฬิกา Fifty Fathoms และอยู่ภายใต้คอลเลกชัน Fifty Fathoms โดยยังคงคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมตั้งแต่ปี ค.ศ. 1956 มาพร้อมกับกลไกใหม่และวัสดุที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นหนึ่งใน Diver Watch ที่มีความบางและสวมใส่ได้ง่ายที่สุด

The Ultimate Dive Watch : Fifty Fathoms X Fathoms

ในยุคปัจจุบันที่ไดว์คอมได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการดำน้ำ ทำให้ Marc A. Hayek ต้องการทำลายขีดจำกัดในการดำน้ำ และต้องการนำนาฬิกาดำน้ำแบบจักรกลไปสู่มาตรฐานใหม่ จึงเกิดเป็นโปรเจกต์ Fifty Fathoms X Fathoms นาฬิกาจักรกลเรือนแรกของโลก ที่มีเกจวัดความลึกถึง 2 ระดับ พร้อมทั้งระบบโครโนกราฟแบบนับถอยหลัง ที่เป็นประโยชน์สำหรับนักดำน้ำที่จะสามารถดูความลึกและหยุดทำ Decompression Stop ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น เป็นการผสมผสานระหว่างวัสดุร่วมสมัยกับนวัตกรรมด้านกลไกแบบใหม่ ให้เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้บุกเบิกในด้านการดำน้ำอย่างแท้จริง

The Villeret Collection

คอลเลกชัน Villeret สืบทอดมรดกของ Blancpain ไว้ได้เป็นอย่างดี โดยยังคงการออกแบบที่ผสานเข้ากับนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างลงตัว แสดงให้เห็นผ่านการผลิตกลไกแบบ In-House ที่ทางแบรนด์ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Perpetual Calendar, Minute Repeater หรือ Tourbillon รวมไปถึงนาฬิกาสุดไอคอนิก อย่าง Villeret Quantième Complet ที่อยู่ในคอลเลกชันนี้ด้วย โดดเด่นด้วยข้างขึ้นข้างแรม (Moon Phase) แสดงผ่านรูปหน้าพระจันทร์ยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังเพิ่มสุดยอดเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาด้วยการจดสิทธิบัตรเฉพาะของ Blancpain นั่นก็คือ การซ่อนปุ่มในการตั้งค่าไว้ใต้ Lug ทำให้สามารถปรับตั้งค่าวันที่และ Moon Phase ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว จึงทำให้ตัวเรือนดูเรียบหรูและสวยงาม

The Ladybird Collection

คอลเลกชัน Ladybird เป็นคอลเลกชันนาฬิกาข้อมือผู้หญิงที่มีความงดงาม โดดเด่นด้วยกลไก Automatic ที่ถูกนำมาใช้ในนาฬิกาผู้หญิงแทนที่จะใช้กลไกควอตซ์ตามสมัยนิยม โดยทาง Blancpain ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ที่เน้นผลิตนาฬิกาจักรกล จึงทำให้นาฬิกาคอลเลกชันนี้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างและงดงามอย่างหาที่เทียบได้ยาก

Air Command Collection

Air Command ถือว่าเป็นคอลเลกชันใหม่ของทางแบรนด์ เนื่องจากทาง Blancpain เพิ่งได้นำคอลเลกชันนี้กลับมาอีกครั้งในปี ค.ศ. 2019 และปี ค.ศ. 2021 โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกา Prototype ในยุค 1950s ของ Blancpain โดยนาฬิกา Blancpain Air Command ปี ค.ศ. 2019 ที่ผลิตขึ้นมาใหม่นี้ มีลักษณะดีไซน์โดยรวมเหมือนกับนาฬิกาจากรุ่นดั้งเดิมเกือบทั้งหมด และในปี ค.ศ. 2021 ก็กลับมาอีกครั้งพร้อม 2 วัสดุใหม่ที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมรดกของ Blancpain ได้เป็นอย่างดี

Métiers d'Art Collection

คอลเลกชัน Métiers d'Art คือที่สุดของเทคนิคการตกแต่งด้วยมือโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญการ ที่ใช้ทักษะระดับสูงในการตกแต่งลวดลายในส่วนต่าง ๆ ของนาฬิกา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงงานฝีมือขั้นสุดของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น กลไกที่ถูกแกะสลักเป็นรูปวัดอรุณฯ นอกจากนี้ยังมีเทคนิคเก่าแก่จากจีน อย่าง Damascening ที่ Blancpain เป็นแบรนด์แรกที่ใช้ศาสตร์นี้ในการตกแต่งนาฬิกา

รวมไปถึงเทคนิคศิลปะ Shakudo จากญี่ปุ่น ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานกว่าร้อยปี ก็ได้ถูกนำมาใช้ในการรังสรรค์นาฬิกา Blancpain Villeret Cadran Shakudō รูปพระพิฆเนศ ส่งผลให้ได้รับรางวัลสาขา Artistic Crafts จากงาน The Grand Prix d’Horlogerie de Genève ซึ่งเปรียบเสมือนงาน Oscar ของวงการนาฬิกา ในปี ค.ศ. 2015

โดยความงดงามและการออกแบบที่หลากหลายนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในงานฝีมือศิลป์ชั้นสูงที่ได้สั่งสมและถูกถ่ายทอดมากว่า 200 ปี ผสานเข้ากับศาสตร์ของนวัตกรรมทางด้านกลไกของนาฬิกาที่ได้ถูกคิดค้นและผลิตขึ้นโดยช่างผู้เชี่ยวชาญของทางแบรนด์ทั้งสิ้น ซึ่งตรงกับปรัชญาของทางแบรนด์ที่กล่าวไว้ว่า “Innovation Is Our Tradition"

อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร

Recommended Posts